เจ้าสาวบางคนมักจะเลือกเรฟเฟอร์เรนซ์ชุดแต่งงานจากคนดังหรือจากนางเอกในภาพยนตร์ เพราะหลงใหลในความสวยงามและอยากจะดูดีในชุดนั้นบ้าง และเพื่อต้อนรับเทศกาลวาเลนไทน์ที่กำลังจะมาถึง แพรว wedding เลยอยากจะนำเสนอ ชุดแต่งงานลูกไม้แขนยาว สไตล์เปิดไหล่ของ ‘อนาตาเซีย’ จากภาพยนตร์เรื่อง Fifty Shades Freed ที่กำลังจะกลายมาเป็นอีกหนึ่งไอคอนิคชุดแต่งงานที่เจ้าสาวอยากจะใส่ตามแน่นอน

วาเลนไทน์ที่จะถึงนี้หลายคนอาจจะกำลังตั้งตารอภาคจบของภาพยนตร์เรื่อง Fifty Shades Freed กันอยู่ ซึ่งจะเป็นภาคบทสรุปเรื่องราวความรักอันร้อนแรงของมิสเตอร์เกรย์และอนาตาเซีย แต่สิ่งที่น่าจับตามองมากไปกว่าบทสรุปเรื่องความรักของทั้งคู่ก็คือ ชุดแต่งงานที่อนาตาเซียสวมใส่ในฉากแต่งงานในภาพยนตร์ เพราะเพียงแค่ปล่อยทีเซอร์ออกมาก็เรียกเสียงฮือฮาในหมู่เจ้าสาวได้ไม่น้อย ว่าเธอใส่ชุดแต่งงานของแบรนด์อะไร ซึ่งต้องขอบคุณอินสตาแกรมที่ช่วยเฉลยคำตอบนี้ให้กับเรา เพราะผู้ที่อยู่เบื้องหลังชุดแต่งงานชุดสวยนี้ก็คือแบรนด์ Monique Lhuillier แบรนด์ที่เป็นที่รู้จักอย่างดีในหมู่เจ้าสาว เพราะโดดเด่นในเรื่องดีไซน์สุดโรแมนติก พร้อมการผสมผสานความเป็นชุดเจ้าสาวแบบดั้งเดิมและความทันสมัยให้เข้ากันได้อย่างลงตัว นั่นจึงเป็นที่มาที่ทางทีมงานภาพยนตร์ได้เลือกแบรนด์นี้ให้มาร่วมโปรเจกต์ในภาพยนตร์นั่นเอง

ซึงทางแบรนด์ได้โพสต์ภาพของ อนาตาเซีย ในภาพยนตร์เรื่อง Fifty Shades Freed ในชุดแต่งงานลูกไม้แขนยาวแบบเปิดไหล่พร้อมรูปแบบกระโปรงทรงทรัมเป็ต ที่เน้นลวดลายของลูกไม้ Chantilly ที่ละเอียดอ่อนและสวยงาม โดดเด่นด้วยกระดุมที่เรียงแถวอยู่ด้านหลังพร้อมการดีไซน์ผ้าลูกไม้แบบซีทรูที่ให้ลุคอ่อนหวานปนเซ็กซี่นิดๆ ตามแบบฉบับเจ้าสาวของมิสเตอร์เกรย์ พร้อมกับเวลสไตล์ Cathedral-length (เวลยาวลากพื้น) ที่ทำจากผ้าทูลล์ผสานเทคนิคแบบ appliqués บนผ้าลูกไม้ชนิดเดียวกับชุดแต่งงาน (Chantilly lace) พร้อมกับทรงผมมวยต่ำเรียบง่ายและเครื่อประดับศรีษะที่ช่วยเพิ่มความเย้ายวนใจสำหรับการเปิดตัวของอนาตาเซียในทีเซอร์ภาพยนตร์ได้เป็นอย่างดี

ซึ่งชุดดังกล่าวยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์และกลิ่นอายของแบรนด์ Monique Lhuillier ไว้เป็นอย่างดี กับการดีไซน์ที่มีเสน่ห์และแปลกใหม่ พร้อมความซับซ้อนของลวดลายลูกไม้ที่ให้ความรู้สึกแบบเจ้าสาวยุคดั้งเดิมและทันสมัยในเวลาเดียวกัน ซึ่งเป็นรูปแบบชุดแต่งงานที่คลาสสิค บริสุทธิ์ และเรียบง่ายในสไตล์เจ้าสาวแบบ Monique Lhuillier

และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แบรนด์ Monique Lhuillier ได้ทำงานร่วมกับภาพยนตร์แฟรนไชส์เรื่องนี้ เพราะแบรนด์ดังกล่าวเคยอยู่เบื้องหลังเสื้อผ้าที่สวยงามของอนาตาเซียมาแล้วในภาค Fifty Shades Darker กับชุดราตรีผ้าซาตินสีเงิน พร้อมเสื้อคลุมขนนก และหน้ากากงานเลี้ยงสุดเซ็กซี่มาแล้ว ซึ่งหากว่าที่เจ้าสาวจะนำลุคนี้ไปแต่งในอาฟเตอร์ปาร์ตี้เราว่าก็หรูหราดูดีไม่หยอกเหมือนกันนะคะ

“ฉันรู้สึกยินดีที่จะถูกพูดถึงเกี่ยวกับการออกแบบชุดแต่งงานที่เป็นไอคอนิคสำหรับคาแรคเตอร์ของอนาตาเซีย สตีล สำหรับภาคสุดท้ายที่เป็นภาคไคลแม็กซ์ของภาพยนตร์เรื่อง Fifty Shades of Grey” Monique กล่าว “ฉันได้สร้างชุดหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในฉากใหญ่ฉากหนึ่งในภาพยนตร์เรื่องนี้มาแล้วกับชุดในฉากงานเลี้ยงจากภาค Fifty Shades Darker มันเป็นประสบการณ์ใหม่ที่เราได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในโปรดักชั่นภาพยนตร์ และครั้งนี้ฉันก็ได้สร้างสรรค์ชุดแต่งงานที่ได้ปรากฏในฉากใหญ่ และฉันรู้ว่าชุดนี้จะต้องเป็นดีไซน์ที่เป็นอมตะไปตลอดกาล”

ซึ่งเราก็เชื่อว่า ชุดแต่งงานของเธอชุดนี้จะเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจให้กับเจ้าสาวหลายคนๆ ในอนาคต และจะกลายมาเป็นหนึ่งในชุดแต่งงานที่จะเป็นไอคอนิคให้กับเจ้าสาวอย่างแน่นอน เอาเป็นว่าว่าที่เจ้าสาวคนไหนที่อยากดูชุดแต่งงานชุดนี้แบบเต็มๆ ตาก็อย่าลืมจูงมือคุณว่าที่เจ้าบ่าวไปชมภาพยนตร์ที่จะเข้าฉายฉลองเทศกาลวันวาเลนไทน์ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์นี้นะจ๊ะ แต่อย่าเผลอตัวเอามือถือขึ้นมาถ่ายรูปล่ะ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะโดนไล่ออกจากโรงภาพยนตร์ไม่รู้ด้วย

ข้อมูลจาก : www.glamour.com, www.harpersbazaar.com, www.gmanetwork.com
ภาพ : fiftyshadesupdates.blogspot.com, wwd.com, pageone.ph, twitter.com, www.pinterest.com,

สัมภาษณ์เจ้าสาวสุดเปรี้ยว เจ้าของภาพใน ชุดเจ้าสาว แสนอลังการที่แปลก แหวกแนว ไม่เหมือนใคร เธอมีแรงบันดาลใจมาจากไหน เรามาอ่านบทสัมภาษณ์ของเธอกัน

คุณเปตอง คือสาวเปรี้ยวคนเก่ง เจ้าของตำแหน่ง Brand Communication Manager แผนกเครื่องสำอางชั้นสูง บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) เธอทั้งสนุก ตลก และเปี่ยมด้วยพลังในเสียงหัวเราะ เรียกได้ว่าใครก็ตามที่ได้พบและพูดคุยกับเธอ จะจดจำเธอได้และหลงรักในพลังอันเต็มเปี่ยมของตัวเธอทุกคนไป เราเห็นชุดแต่งงานสุดอลังของเธอจากเฟซบุค ซึ่งวินาทีแรกที่เห็นคือความว้าวอย่างคาดไม่ถึง เพราะแน่นอนว่าชุดเจ้าสาวของคุณเปตองมีความแตกต่างและแหวกแนวจากชุดเจ้าสาวส่วนใหญ่ในยุคนี้ เราถึงกับกลั้นความตื่นเต้นไว้ไม่อยู่จนถึงกับต้องยกหูหาเธอ เพื่อขอสัมภาษณ์เธอด้วยตัวเอง และนี่คือเรื่องราวที่มาของชุดเจ้าสาวที่เรายกให้เป็น “ชุดเจ้าสาวแห่งยุค” จากงานแต่งงานของคุณเปตองและคุณแมน

“เปตองเห็นชุดนี้ครั้งแรกจากแฟชั่นโชว์ ELLE Fashion Week ปี 2017 ที่ผ่านมา ซึ่งชุดนี้คือหนึ่งในชุดจากโชว์ ‘Ayara in ๙’ ของแบรนด์ Hook’s by Prapakard ซึ่งสวมใส่โดยมารีญา พูนเลิศลาภ ณ ตอนที่ดูโชว์คือเราร้องไห้เลยนะ เราชอบชุดนี้ แต่ ณ ตอนนั้น ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น ไม่ได้คิดว่าอยากใส่เป็นชุดเจ้าสาวหรืออะไรแบบนี้”

“หลังจากนั้นไม่นาน เปตองกับพี่แมนก็วางแผนที่จะแต่งงาน จู่ๆเปตองก็นึกถึงชุดนี้ที่เราเห็นจากงานแฟชั่นโชว์ ณ ตอนนั้น เราคิดแค่ว่าอยากจะหาห้องเสื้อให้ทำชุดที่คล้ายกับชุดแบบนี้ขึ้นมา เพราะเราไม่ได้รู้จักกับพี่ผักกาด (ประภากาศ อังศุสิงห์ – ดีไซนเนอร์ของแบรนด์ Hook’s by Prapakard) เป็นการส่วนตัว และไม่เคยมีความคิดในหัวว่าพี่ผักกาดจะทำชุดแต่งงานให้เรา”

“ทีนี้เรื่องมาถึงจุดเปลี่ยนตรงที่ว่าเปตองไปทานข้าวกับพี่ขวัญ (สู่ขวัญ บูลกุล) ที่รู้จักกันดี เราเล่าให้พี่ขวัญฟังว่าเรากำลังจะแต่งงานละนะ พี่ขวัญถามเราว่าแล้วชุดแต่งงานจะใช้ของแบรนด์อะไร เราบอกไปว่ายังไม่ได้คิด แต่เราชอบชุดนี้ของแบรนด์ Hook’s แล้วก็เปิดรูปจากมือถือให้พี่ขวัญดู พร้อมกับบอกว่า เราอยากจะหาร้านชุดเก่งๆ ที่จะช่วยตัดชุดใหม่โดยใช้แรงบันดาลใจจากชุดนี้ เท่านั้นแหละ พี่ขวัญบอกว่า ไม่ต้องเลย (หัวเราะ) พี่ขวัญยกหูหาคุณตั๊บ เพื่อนของพี่ผักกาด คุยกันไปมาเราก็ได้ไลน์ของพี่ผักกาด เราบอกพี่ผักกาดว่าอยากให้พี่เค้าตัดชุดเจ้าสาวให้เรา ซึ่งพี่ผักกาดก็นัดแนะให้เราไปคุยกันที่ออฟฟิศของเขา”

“พอไปถึงที่ออฟฟิศของพี่ผักกาด พี่เขาแนะนำให้เราลองชุดจริงๆ จากคอลเลกชั่นนั้นก่อน ซึ่งเราได้เห็นชุดของจริงที่ออฟฟิศพี่ผักกาดทุกชุดแล้วมันสวยมากกกก (เสียงยาว) ตอนแรกเราลองชุดที่แพทเทิร์นตรงคอเป็นรูปครึ่งวงกลม ซึ่งเราก็ชอบมากแล้ว และก็คือชุดที่เราใส่ถ่ายภาพพรีเวดดิ้งนั้นเอง แต่พี่ผักกาดบอกว่า ชุดนี้ยังไม่ใช่ชุดที่ใหญ่ที่สุดนะ แล้วเค้าก็ให้เราลองชุดฟินาเล่ ซึ่งเคยสวมโดยน้องมารีญาชุดนี้นั่นเอง”

“ความรู้สึกแรกที่รู้ว่าจะได้ลองชุดนี้ คิดว่าต้องใส่ไม่ได้แน่ๆ เพราะมันคือไซส์ของมารีญา และเค้าตัวสูงมาก แต่ปรากฏว่า ตอนรูดซิปของชุดขึ้นไป ซิปมันลื่นปรื้ด…มันไม่ติดขัด มันไม่แน่นไป ไม่หลวมไป มันเหมือนกับชุดนี้คือชุดที่ตัดมาสำหรับเราเลย มันพอดีมากจนตกใจ พอเห็นตัวเองในกระจก คือเราน้ำตารื้น นี่แหละคือชุดที่ใช่ เราจะแต่งงานในชุดนี้แหละ ซึ่งพี่ผักกาดก็แก้ให้แค่ความสูงกระโปรงแค่นั้น ส่วนอื่นแทบไม่ต้องแก้เลย ถือว่าโชคดีมากๆ”

“เท่านั้นยังไม่พอ ในคอลเลกชั่นนี้มันยังมีเครื่องหัวสีทอง ซึ่งพี่ผักกาดก็เอามาให้เราเลือกครบทุกชิ้น ชิ้นที่เราเลือก คือชิ้นที่สวมโดยพี่ซินดี้ สิรินยา ที่เลือกชิ้นนี้เพราะเป็นชิ้นที่เปิดหน้าที่สุด และยังมีรูปร่างเหมือนพระอาทิตย์ ซึ่งความหมายดี”

“ก่อนวันงาน เราอุบเรื่องชุดนี้เอาไว้ไม่ให้ใครรู้เลย นอกจากพี่ขวัญ และว่าที่สามีของเรา พอใกล้ถึงวันงาน เราเองก็แอบเครียด แอบกลัวว่าชุดมันจะเยอะไปไหม ใหญ่ไปไหม แต่พอคิดอีกที ทุกคนที่อยู่ในงาน ก็ล้วนเป็นคนที่รักเรา เข้าใจเรา รู้จักตัวตนของเราดีทั้งนั้น เพราะฉะนั้นเราอยากให้ทุกคนเห็นเราที่เป็นตัวเราจริงๆ”

“ณ วินาทีที่เดินออกมาในงานกับคุณพ่อที่เป็นคนส่งตัว เพื่อนทุกคนกรี้ดหนักมากกก (หัวเราะ) ณ จุดนี้ต้องขอบคุณ คุณพ่อเรามากๆที่เข้าใจเรา ณ โมเม้นต์ที่คุณพ่อเห็นเราในชุดนี้ครั้งแรก คุณพ่อพูดว่า ‘ลูกสวยมาก ไปเลยลูก’ (เสียงสั่น) ณ ตอนที่เรากล่าวขอบคุณแขก เรากล่าวขอบคุณพี่ขวัญที่นำพาเราให้รู้จักกับพี่ผักกาดและทำให้เราได้ใส่ชุดนี้ ณ ตอนที่สบตากับพี่ขวัญ เราน้ำตาไหลพรากเลย ไม่คิดว่าผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างเราจะได้มีโอกาสใส่ชุดของพี่ผักกาดจริงๆ และการคิดว่าจะหาอะไรที่คล้ายมาทดแทนนั้นเป็นเรื่องที่ผิดมาก เพราะชุดแต่งงานมันทำยาก และรายละเอียดเยอะ ไม่สามารถหาที่ไหนได้เหมือนหรือคล้ายหรือแทนชุดที่เราชอบที่สุดได้ ดีใจที่มีพี่ขวัญช่วยเป็นสื่อกลางให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต ขอบคุณพี่ผักกาดที่ให้โอกาสได้เข้าถึงชุดนี้ด้วยจริงๆ”

“เพื่อนทุกคนที่มางานเรา ทุกคนบอกว่ามันใช่ ชุดนี้เท่านั้นแหละที่เอาความเป็นตัวเราอยู่ ชุดนี้เท่านั้นที่รวบรวมเอาความเป็นเราอยู่ข้างใน ทั้งความเวิ่น ความเยอะ ความแปลก ทุกอย่างที่เป็นตัวของเราจริงๆ หลังจากงานแต่งงานของเราเพื่อนๆก็ทยอยลงรูปในโซเชียล เพื่อนเล่าให้ฟังว่ามีแต่คนอินบ็อกซ์มาถามว่าเราคือใคร ชุดเจ้าสาวนี้เป็นของแบรนด์อะไร กลายเป็นว่าชุดของเรากลายเป็นกระแสและมีคนให้ความสนใจเยอะมาก”

“สุดท้ายแล้วอยากฝากถึงเหล่าว่าที่เจ้าสาวที่อยากจะใส่ชุดเจ้าสาวที่อาจจะดูแปลก แหวกแนว ไม่เหมือนชุดเจ้าสาวแบบสมัยนิยม ว่างานแต่งงานมันคืองานประเพณี เรายังต้องเคารพจารีตตรงนี้อยู่ แต่เราสามารถหาจุดกึ่งกลางระหว่างความเป็นตัวของเราเอง และการเคารพในประเพณีได้ เช่น ชุดไม่โป๊เกินไป ไม่ประหลาดจนหลุดโลกเกินไป ก่อนก้าวผ่านตรงจุดที่ตัดสินใจว่าจะใส่ชุดนี้จริงๆเหรอ เราอาจจะมีความกลัว แต่ถ้าเราตัดสินใจทำในสิ่งที่เราเป็นตัวเอง เมื่อเราหันกลับมามองภาพถ่าย ณ วันนั้น เราจะรู้สึกว่าเราเห็นตัวเราในภาพจริงๆ ไม่ใช่ตัวเราที่พยายามจะเป็นคนอื่น เราจะรู้สึกไม่เสียดายทีหลังค่ะ”

อ่านบทสัมภาษณ์ของเธอคนนี้แล้วเป็นยังไงกันบ้างคะ? เราหวังว่าเรื่องราวของคุณเปตอง จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับเหล่าเจ้าสาวอีกหลายๆคน ให้กล้าเลือกชุดเจ้าสาวที่แสดงความเป็นตัวเองแต่ยังดูเคารพในประเพณีอันสวยงามของการแต่งงานได้ค่ะ

ขอขอบพระคุณภาพจาก

คุณเปตอง, Instagram @prapakas 

ภาพพรีเวดดิ้ง โดย คุณติ๋ม พันธ์สิริ สิริเวชชะพันธ์