จากเกลียดแรกพบสู่ “69 ปีแห่งรัก”

บันทึกความทรงจำอันแสนหวานตลอดเส้นทางรักอันยาวนานแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ธ ผู้ทรงเป็นแบบอย่างแห่งรักแท้และการครองเรือน

“สำหรับข้าพเจ้าเป็นการ ‘เกลียดแรกพบ’ มากกว่า ‘รักแรกพบ’ เนื่องเพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งว่า จะเสด็จมาถึงในเวลา 4 โมง แต่กลับเสด็จมาถึงในเวลา 1 ทุ่ม ทรงปล่อยให้ข้าพเจ้ายืนรออยู่ตรงนั้น และได้แต่ซ้อมถอนสายบัวอยู่จนแล้วจนเล่า จึงเป็นการเกลียดเมื่อแรกพบมากกว่ารักเมื่อแรกพบ…จากนั้นมันก็คือความรัก เป็นสิ่งธรรมดาๆ ที่คุณเคยได้ยินรักแรกพบ ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าพระองค์ทรงรักข้าพเจ้า เพราะขณะนั้นข้าพเจ้ามีอายุเพียง 15 ปี” พระราชดำรัสสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ขณะพระราชทานสัมภาษณ์แก่เดวิด โลแมกซ์ ผู้สื่อข่าวบีบีซี

หลังจากที่ภาพยนตร์สารคดี “ขวัญของชาติ (Soul of Nation)” ซึ่งเคยออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ BBC กรุงลอนดอน เมื่อ พ.ศ. 2521ได้ถูกนำกลับมาฉายซ้ำอีกครั้งเพื่อน้อมรำลึกถึงองค์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เรื่องราวแห่งรักที่เกิดขึ้น ณ แดนไกลระหว่างธิดาองค์ใหญ่ของท่านเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศฝรั่งเศส “หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร” และกษัตริย์หนุ่มวัย 20 พรรษา ผู้ทรงเป็นมิ่งขวัญแห่งปวงประชาชาวไทยจึงถูกเปิดเผยขึ้น…เป็นรักแรก รักเดียว และเป็นความรักต้นแบบที่ประทับอยู่คู่ผืนแผ่นดินไทยมาตลอด 69 ปี

รักแรกเมื่อแรกพบ

ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนเลยว่าการพบกันครั้งแรก ณ กรุงปารีส อันเป็นต้นเหตุของการเกลียดแรกพบในมุมมองของหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์จะเป็นที่มาของรักแรกพบที่เก็บอยู่ในส่วนลึกพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช60

แม้เมื่อครั้งที่สมเด็จพระราชชนนีมีรับสั่งทางโทรศัพท์ถามถึงธิดาของท่านทูตไทย พระองค์จะทรงรับสั่งตอบกลับเพียงสั้นๆ ว่า “เห็นแล้ว น่ารักมาก” ทว่าหลังจากนั้นไม่นานเมื่อคราวที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชประชวรจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ สิ่งแรกที่ทรงทำเมื่อรู้สึกพระองค์ คือหยิบรูปหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ออกมาจากกระเป๋า แล้วถวายแด่สมเด็จพระราชชนนีพร้อมมีรับสั่ง

“แม่…เรียกสิริมาที”1

ไม่มีใครเคยล่วงรู้มาก่อนว่าภาพหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ที่ทรงหยิบออกมาจากกระเป๋าส่วนพระองค์ เป็นภาพเฉพาะใบหน้าที่ตัดออกมาจากภาพหมู่ที่ทรงถ่ายให้กับคณะบุคคลที่มาเข้าเฝ้าฯ ที่สถานทูตไทยประจำกรุงปารีส และในขณะที่พระองค์ทรงกำลังเตรียมกล้องถ่ายภาพอยู่นั้นทรงพบว่า หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ซึ่งยืนเป็นคนสุดท้ายอยู่ในมุมที่มองไม่เห็น พระองค์จึงทรงมีรับสั่งก่อนลั่นชัตเตอร์ว่า

“ยู้ฮู! คนข้างหลังโผล่หน้ามาหน่อยสิ”2

Recommended