เมื่อรักนี้แด่แผ่นดิน
“…เมื่อข้าพเจ้าได้แต่งงานก็ได้เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเอาพระทัยใส่ในทุกข์ของราษฎรทุกขณะ ทรงคิดถึงแต่ประโยชน์ของประชาชน ทรงสอนข้าพเจ้าและลูกๆ ทุกอย่าง…”5
การครองชีวิตคู่ให้ยาวนานนับเป็นเรื่องที่ยากแล้ว การครองรักโดยมีความรักในแผ่นดินเป็นเรื่องหลักของหัวใจเห็นจะเป็นเรื่องที่หนักหนากว่าหลายร้อยเท่า เพราะนอกจากความเหน็ดเหนื่อยจากการที่ทั้งสองพระองค์ทรงพระราชดำเนินเสด็จเยี่ยมเยียนราษฎรอย่างไม่เคยว่างเว้นแล้ว ความหมายของพ่อหลวงและแม่แห่งแผ่นดินย่อมหมายถึงการเสียสละเวลาส่วนพระองค์เพื่อมอบแก่ประชาชนและแผ่นดินไทย
หลังจากพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ทั้งสองพระองค์ก็ทรงเริ่มต้นการทรงงานอย่างหนักเพื่อประชาชนไทยในทุกภูมิภาค ในขณะที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงสนพระทัยเรื่องน้ำ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถจะทรงสานงานต่อเรื่องป่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชดำเนินนำหน้า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถก็ทรงดำเนินตามหลังไม่เคยห่าง ดังพระราชดำรัสตอนหนึ่งของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ในภาพยนตร์สารคดี “ขวัญของชาติ (Soul of Nation)” ความว่า
“…พระมหากษัตริย์ และพระราชินีของประเทศไทยมีความใกล้ชิดกับประชาชนมาโดยตลอดจริงๆ ประชาชนมักจะมองพระมหากษัตริย์ดังพ่อแห่งแผ่นดิน นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราไม่มีชีวิตส่วนตัวมากนัก เพราะประชาชนได้พิจารณาเราในฐานะเป็นพ่อและแม่ของแผ่นดิน ดังนั้น เราจึงอุทิศเวลาทั้งหมดให้ประชาชน…”
อีกครั้งที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงรับสั่งถึงชีวิตส่วนพระองค์ที่ทรงเห็นแก่ความสุขของครอบครัวน้อยกว่าความสุขของชาติก็ตอนที่ทรงพระราชทานสัมภาษณ์แก่กลุ่มนักข่าวหญิง เมื่อ พ.ศ. 2523
ครั้งนั้นนักข่าวได้ทูลถามเกี่ยวกับการทรงแบ่งเวลาในแต่ละวันระหว่างการทรงงานกับการดูแลครอบครัว พระองค์ทรงตอบอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องเหน็ดเหนื่อยว่า
“ตอนหลังๆ นี่แบ่งลำบากมาก เพราะว่าพระเจ้าอยู่หัวท่านรับสั่งว่า ตอนนี้ต่างคนต่างเป็นเครื่องจักร พบกันระหว่างทำงานด้วยกัน อยู่ในหมู่คน แล้วที่ครอบครัวจะได้อยู่พบกันก็คือที่รับประทานอาหารกลางคืนด้วยกัน เท่านั้นเอง…” 6