ส่อง 100 ปี ชุดเจ้าสาว จากควีนวิคตอเรีย สู่เจ้าสาว 2018

ก่อนฤดูกาล Bridal Fashion Week 2019 จะเริ่มต้นในเดือนหน้า แพรว wedding ขอพาทุกคนย้อนไปดูคอลเลคชั่น ตั้งแต่ยุค 1900 ว่ากว่าจะมาเป็น ชุดเจ้าสาว สุดอลังการในยุคนี้ได้ ต้องผ่านอะไรมาบ้าง และเผื่อเป็นไอเดียสำหรับเจ้าสาวสายวินเทจ จะได้มีไอเดียชุดเก๋ๆ มาใส่ในงานแต่งงานของตัวเอง

1900’s

ชุดเจ้าสาว

เป็นช่วงที่ชุดแต่งงานมีความมิดชิดม๊าก มาก คอเต่า ชายกระโปรงยาว แขนยาว หรือแขนสั้นแต่ก็ใส่ถุงมือยาวอยู่ดี เรียกได้ว่าปิดทุกสัดส่วน เหลือเพียงแค่มือที่โผล่ออกมาแม้แต่เวลก็ยังยาวแข่งกับชายกระโปรง เป็นยุคแรกเริ่มของชุดแต่งงานสีขาว ซึ่งได้อิทธิพลมาจากชุดแต่งงานของควีนวิคตอเรีย ชุดแต่งงานนิยมเป็นทรงเอ มีความโดดเด่นที่ช่วงแขนจะพองเป็นช่วงๆ แบบที่ไทยเราเรียกว่า แขนหมูแฮม ตัวชุดไม่นิยมปักมุกหรือเลื่อม แต่จะไปเล่นลวดลายกันที่ลูกไม้และระบายของผ้ามากกว่า เวลนิยมทำเป็นหมวกสีขาวสวมบนศีรษะของเจ้าสาว ในขณะที่ทรงผมก็จะรวมทั้งหมดเก็บไว้ด้านหลัง หรือเก็บไว้ในหมวกของเวลนั่นแหละ

1910’s

เป็นช่วงบูมของชุดแต่งงานทรงเอ็มไพร์ที่โดดเด่นด้วยการต่อเอวตั้งแต่ช่วงใต้หน้าอก แต่คอก็ยังมีทั้งแบบปีนสูง และแบบกว้างที่เกือบถึงไหล่ ชุดแต่งงานมีความพลิ้วไหวมากขึ้นไม่ต้องแข็งเป็นทรงอย่างก่อนหน้านี้ ลูกไม้ได้รับความนิยมมากขึ้น หลายอย่างถูกลดทอนจากยุคแรกให้น้อยลง แต่เวลกลับนิยมให้ใหญ่ขึ้น ประดับดอกไม้หรือเป็นหมวกที่มีความยิ่งใหญ่อลังการ ในขณะที่ทรงผมมักจะดัดลอนใหญ่รวบเก็บด้านหลังไม่ปล่อยยาว

1920’s

ชุดเจ้าสาว

เป็นยุคที่เรียกกันว่า Flapper  เสื้อผ้าหน้าผมมีสีสันมากขึ้น เริ่มต้นที่ชุดแต่งงานจากที่ยาวๆ ก็สั้นขึ้นมาประมาณเข่า ในยุคนี้คอวีมาแรงมาก พร้อมๆ กับที่ชุดแต่งงานทรงตรงก็มาเช่นเดียวกัน ในขณะที่ชุดก็เริ่มมีการตกแต่งด้วยเลื่อมวิบวับมากขึ้น เข้ากับท่วงทำนองเพลงแจ๊ซที่กำลังเฟื่องฟูในยุคนั้น แดนซ์กันทีก็เล่นแสงไฟเชียวละ แต่ถึงแม้ชุดจะสั้นลง แต่เวลก็ยังคงยาว และใหญ่อลังการกว่าเดิม โดยเฉพาะส่วนที่ติดกับผมเรียกได้ว่าครอบทั้งหัวเป็นหมวกกันเลยทีเดียว เพราะได้อิทธิพลมาจาก หมวกจูเลียต ส่วนการแต่งหน้าก็เน้นแบบเบ้าตาลึกๆ คิ้วบางๆ  ผมก็ลอนเปียกกันไปจร้า

Recommended