เหตุผล 5 ข้อที่อาจทำให้ ชีวิตหลังแต่งงานปีแรก ไม่แฮปปี้อย่างที่คิด!

เชื่อว่าคู่รักหลายคู่คงวาดฝันถึง ชีวิตหลังแต่งงานปีแรก อันหอมหวาน เอาน่า! ช่วง 4-5 เดือนแรกก็ยังยิ้มได้อยู่ แต่มีหลายคู่ที่พอเลยครึ่งปีไปแล้วเริ่มซึมเซาและส่อแววมีปัญหา ขอเตือนไว้ก่อนเลยว่า ไม่ใช่ความผิดใครคนใดคนหนึ่ง แต่อาจเป็นเพราะ 5 ข้อนี้ที่ทำให้เรายังปรับตัวกันไม่ได้ 5 เรื่องหลักๆ ที่ทำให้ ชีวิตหลังแต่งงานปีแรก ของคู่รักใหม่ไม่ราบรื่น 1. ความหวานและความน่าตื่นเต้นลดลง พอสถานะเปลี่ยนไปอะไรๆ ก็เปลี่ยนแปลง เมื่อก่อนตอนเป็นแฟนชอบชวนกันออกไปเดท ทานข้าว ดูหนัง ฟังเพลง แต่พอแต่งงานกันไปสักพักกิจกรรมพวกนี้มันหายไปไหนซะหมด? หลายคู่มักคิดว่าย้ายมาอยู่บ้านเดียวกัน เจอกันทุกวัน จะออกไปข้างนอกทำไม! ใครคิดแบบนี้ถ้าไม่รีบปรับทัศนคติเดี๋ยวความรักจะจืดชืดกลายเป็นความหมางเมินได้นะ ทางที่ดีควรมีเวลาออกไปทำกิจกรรมเพิ่มความหวานอย่างที่เคยทำตอนเป็นแฟนกันบ้าง ไอเดียที่แนะนำคือ ชวนกันไปสถานที่ที่คุณพบกันเป็นครั้งแรก รำลึกความหลังสักหน่อยก็ไม่เลว 2. คาดหวังในตัวคนรักมากเกินไป ปัญหานี้เจอกันแทบทุกคู่ โดยเฉพาะผู้ชายบางคนที่คาดหวังว่า หลังแต่งงานไปแล้วผู้หญิงจะต้องดูแลความสะอาดบ้าน ซักผ้า รีดผ้า ฯลฯ แต่ลืมไปว่าเธอก็มีหน้าที่การงานต้องทำเช่นกัน ในทางกลับกันผู้หญิงก็ไม่น้อยหน้า คุณสามีต้องกลับบ้านตรงเวลา โทรหาต้องรับสาย ไลน์ไปต้องอ่าน เงินเดือนมาต้องให้ภรรยาเก็บ อันนี้เกินไป! ถ้าใครรู้สึกว่าครอบครัวเล็กๆ ของเราเริ่มจะกลายเป็นแบบนี้คงต้องนั่งจับเข่าคุยกันแล้วล่ะ ว่าจะหาทางแก้ปัญหายังไง แบ่งหน้าที่รับผิดชอบงานบ้านกันดีไหม หรือใครรับผิดชอบค่าใช้จ่ายอะไรในบ้านได้บ้าง […]

คิดต่างทางการเมือง

5 วิธีแก้ปัญหาคู่รัก คิดต่างทางการเมือง คุยกันแบบไม่ทำให้รักเราพัง

ช่วงนี้การเมืองบ้านเราค่อนข้างร้อนระอุ! มีม็อบไม่เว้นแต่ละวัน ล่าสุดคนใกล้ตัวก็เริ่มบ่นออกมาบ้างแล้วว่า เธอกับแฟนมีความ คิดต่างทางการเมือง มีความเห็นไปคนละทาง เปิดข่าวหรือเปิดประเด็นคุยกันเรื่องนี้ไม่ได้เลย จนตอนนี้เริ่มจะรู้สึกอึดอัดซะแล้ว! ทำอย่างไรเมื่อเรากับแฟน คิดต่างทางการเมือง จริงๆ แล้วเรื่องที่คู่รักมีความเห็นต่อสถานการณ์บ้านเมืองไม่เหมือนกันคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ขนาดพ่อ แม่ ลูก ญาติ พี่ น้อง ยังคิดต่างกันก็มีถมเถไป แต่สิ่งสำคัญคือ เราจะไม่เลิกกันเพราะเรื่องการเมือง! งั้นไปดูว่าจะทำอย่างไรให้รักเรายังอยู่ได้โดยที่เชียร์ขั้วการเมืองคนละฝ่าย 1. ต้องเปิดใจฟัง แลกเปลี่ยนข้อมูลกันด้วยเหตุผล คิดไม่เหมือนกันก็ไม่เป็นไร เพราะต่างคนถูกเลี้ยงกันมาคนละแบบ โตมาในสังคมคนละอย่าง แต่สิ่งหนึ่งที่ควรทำคือ เปิดใจฟังสิ่งที่อีกฝ่ายคิด ตรองดูเหตุผลที่เขาเล่ามา ถึงแม้ว่าจะมีสิ่งที่ไม่เห็นด้วย ก็ควรใจเย็นๆ แย้งกันด้วยเหตุผลของแต่ละฝ่าย ที่สำคัญคือ อย่ายัดเยียดความคิดในแบบเราให้เขาเด็ดขาด การบังคับว่าเธอต้องเชื่อฉันสิ แบบนี้รังแต่จะทำให้ยิ่งทะเลาะกันเปล่าๆ 2. เมื่อเริ่มมีอารมณ์โกรธ ให้รีบเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น ปฏิเสธไม่ได้ว่าการคุยเรื่องการเมืองกับคนเห็นต่างมักสร้างความหงุดหงิดไม่น้อย เมื่อไหร่ที่รู้สึกตัวว่าเริ่มพูดเสียงดังมากขึ้น กระแทกคำเน้นย้ำมากขึ้น หัวเริ่มร้อนเหมือนน้ำกำลังจะเดือด คงถึงเวลาหยุดคุยกันแล้ว ถ้าดูข่าวอยู่ให้เปลี่ยนช่องไปเลย ไปดูหนัง Netflix ดูละคร ฟังเพลง หรือจะไปทำกิจกรรมอย่างอื่นก็ได้ ซักผ้า กวาดบ้าน ออกไปกินข้าวด้วยกันเลยยิ่งดี […]

หลังแต่งงาน

5 พฤติกรรมชวนยี้ที่คุณอาจต้องเจอหลังแต่งงานแบบไม่ทันตั้งตัว

นี่เหรอ คือสิ่งที่เราต้องเจอ หลังแต่งงาน !! “ไม่คิดว่าเขา/เธอจะเป็นแบบนี้” หรือ “ตอนเป็นแฟนกันไม่เห็นทำเลย” ประโยคเหล่านี้อาจเกิดขึ้นได้ในทุกคู่แต่งงานค่ะ เพราะส่วนใหญ่แล้ว พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันจะมาปรากฏก็เมื่อร่วมหอกันไปเรียบร้อยแล้ว ก็แหม…คนเราต้องอยู่ด้วยกันนี่นา จะกั๊กตัวตนได้ตลอดเหมือนตอนอยู่บ้านใครบ้านมันได้ไงล่ะ ซึ่งพออีกฝ่ายรู้ก็อาจมีอึ้ง มียี้และมีส่ายหน้าได้ ว่าแต่มีพฤติกรรมอะไรบ้าง ที่คุณอาจเจอ หลังแต่งงาน แพรวเวดดิ้งรวมมาให้แล้ว จะได้เตรียมตัวรับมือกับยี้ที่คาดไม่ถึง ผายลมเรี่ยราด ตอนเป็นแฟนกันต้องระวังตัวสุดๆ แต่พอมาใช้ชีวิตด้วยกันแล้วคุณคงเลี่ยงที่จะเจอไม่ได้ บางคนบอกว่าปวด_ด ก็เดินออกไป_ด ที่โซนอื่นสิ ไม่ใช่มา_ดต่อหน้า ถ้าเป็นแบบนั้นได้ก็ไม่ใช่พฤติกรรมชวนยี้หรอกค่ะ เพราะคุณไม่ต้องเหวอหรือยี้ๆๆ กับสิ่งที่อีกคนทำ เรอดังลำโพงแตก มาแต่เสียงยังไม่เท่าไหร่ บางคนมาพร้อมกลิ่น ใครที่คิดว่าชาตินี้ไม่น่าจะเจอก็อาจเจอได้หลังแต่งงาน แม้ว่าตอนเป็นแฟนกันคุณจะเคยกินข้าวด้วยกันเป็นร้อยมื้อมาแล้วก็ตาม แต่อย่างที่บอกไงค่ะว่า เมื่อมาร่วมบ้านเรื่องเหล่านี้เลี่ยงยากจริงๆ ฉะนั้นละก็ ทำใจซะ!! ถ่ายหนักแล้วไม่กดชักโครก ถ้าคุณสงสัยว่าจะมีคนแบบนั้นเหรอ คำตอบคือ มีค่ะ มีแน่นอน เพียงแต่จะมีใครมาพูดเท่านั้นเอง แต่แพรวเวดดิ้งขอเป็นตัวกลางมาบอกให้คุณรับรู้ และทำความเข้าใจสักนิดว่า จริงๆ แล้วเขาอาจไม่ใช่คนซกมกหรอกค่ะ เพียงแต่ใช้ชีวิตแบบนี้มาจนชิน พอมีคนมาอยู่ด้วยก็เผลอไป ชีวิตส่วนตัวตอนที่ยังใหม่แต่งงานของคนกลุ่มนี้คือ พอขับถ่ายแล้ว ไม่กดชักโครกทันที แต่จะมีการสำรวจตรวจตราสุขภาพตัวเองก่อนเสมอ อาจลืมกดจนเป็นนิสัย […]

แฟนทะเลาะกับพ่อแม่

เมื่อแฟนทะเลาะกับพ่อแม่ แล้วคนกลางอย่างเราจะวางตัวอย่างไร?

เลี่ยงไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าบังเอิญว่าคุณต้องกลายเป็นคนกลางเวลาที่ แฟนทะเลาะกับพ่อแม่ ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือใหญ่ ยิ่งถ้าอยู่ในสถานที่บังคับแบบไปไหนไม่ได้อย่างในรถ ร้านอาหาร หรือแม้แต่ในบ้านของตัวเอง แล้วคนกลางอย่างคุณจะวางตัวแบบไหนดี เพื่อให้คุณเองไม่ต้องกลายเป็นอีกคนที่มีปัญหา นิ่งไว้ก่อนปลอดภัยสุด คำแนะนำแรกที่เราขอให้คุณทำเมื่อสถานการณ์ตรงหน้ามาคุคือ การอยู่นิ่งๆ ค่ะ อย่าเอาตัวเองเข้าไปเป็นเอี่ยว เพราะเดี๋ยวเรื่องจะไปกันใหญ่ นิ่งและฟังอย่างเดียวว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วดูเชิงสักนิดว่าคุณออกมาจากเหตุการณ์ตรงนั้นได้ไหม เหตุผลคือ เป็นการให้เกียรติคนในครอบครัวคุยกันเองยังไงละค่ะ ต่อให้คุณจะสนิทกับครอบครัวของเขามากแค่ไหนก็ตาม หรือแม้จะแต่งงานเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของเขาก็ตาม นิ่งค่ะ ขอย้ำให้นิ่ง เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องของคุณ ห้ามไม่ได้ให้นิ่งไว้ บางคนบอกว่า เหตุการณ์มันสุดๆ จริงๆ ไม่เอี่ยวไม่ได้ ถ้าคุณลองเอ่ยปากพูดไกล่เกลี่ยให้ต่างฝ่ายใจเย็นลงแล้วก็ยังไม่ได้ผล อย่าพยายามค่ะ เพราะเสียงที่สามอาจไปกระตุ้นให้เรื่องไปกันใหญ่ และดีไม่ดี คนที่ทะเลาะกันอยู่ อารมณ์กำลังพุ่ง อาจจะลากคุณเข้าไปเอี่ยวจนกลายเป็นไฝว้หนักไปใหญ่ตามประสาคนพาลหรือคุมอารมณ์ไม่ได้ ฉะนั้น จำไว้เลย เมื่อเอ่ยปากห้ามแล้ว ไกล่เกลี่ยแล้วยังไม่มีอะไรดีขึ้น จงนิ่ง!! อย่าเข้าข้างใครเด็ดขาด เวลาที่คนเราทะเลาะกันแล้วมีบุคคลที่สาม (อย่างคุณ) ที่ไม่เกี่ยวอยู่รับรู้เหตุการณ์ด้วย มีสิทธิ์ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะหันมาถามความเห็นของคุณว่าคิดยังไง ใครคือคนผิด จะต้องการหาพวก หรือให้คุณตัดสินก็ตามที แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณเอ่ยปากทำนองเข้าข้างใครคนนึงแล้วละก็ งานเข้าแต่ๆเพราะอีกคนจะหมางใจกับคุณได้ทันที ถ้าคนที่คุณเข้าข้างคือแฟนตัวเอง อีกคนที่อาจเป็นพ่อแม่พี่น้องเขาจะพลอยไม่ชอบคุณขึ้นมา หรือถ้าคุณเข้าข้างอีกฝ่าย คุณก็มีสิทธิ์ทะเลาะกับแฟนตัวเอง […]

ชีวิตคู่

5 ปัญหาก่อกวน ชีวิตคู่ ให้ล่มก่อนได้เริ่ม ที่ว่าที่บ่าวสาวต้องรู้ก่อนแต่งงาน

ชีวิตคู่ ไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อคนสองคนต่างที่มา แล้วต้องมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน แต่ถ้ารู้จัก 5 ปัญหานี้ได้ก่อนแต่งงาน ก็ทำให้เรื่องยากเป็นเรื่องง่ายได้

ปัญหาชีวิตคู่

ไม่ไหวอย่าฝืน! กับ 8 สัญญาณเตือนภัยปัญหาชีวิตคู่ เกิดขึ้นเมื่อไหร่อย่าไปต่อ

ความสัมพันธ์ของคนสองคน ไม่ได้จะหวานเสมอไป และแพรวเวดดิ้งไม่ได้อยากให้คุณไม่ยอมรับความจริงในเรื่องความสัมพันธ์ที่อาจเปลี่ยนไป ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้กับคู่รัก แต่เชื่อเถอะค่ะว่า ถ้าคุณได้พยายามจนสุดทางแล้ว หากว่ายังเจอเรื่องต่อไปนี้จากอีกฝ่าย หรือเกิดรู้สึกขึ้นกับตัวเองขอให้คิดดีๆ ว่าจะไปต่อหรือพอแค่นี้กับ ปัญหาชีวิตคู่ ที่ไม่ไหวอย่าฝืน! ปัญหาชีวิตคู่ บางครั้งก็เกินจะรับไหว อาจจะถึงเวลาบอกลา 1. ทำผิดซ้ำซาก ไม่ว่าจะผิดเรื่องผู้หญิง เรื่องการลงไม้ลงมือ การกินเหล้าเมามายจนมากเกินขอบเขต คุยกันก็แล้ว ลองหาวิธีมาดูแลและจูงใจให้ปรับเปลี่ยนพฤติก็ยังไม่มีอะไรดี แถมยังหนักข้อขึ้น คุณจะไหวต่อไปอีกนานแค่ไหน 2. ระแวงไม่สิ้นสุด เป็นหรือเปล่าคะ ที่ตัวคุณเองรู้สึกว่าการอยู่ด้วยกัน ไม่ได้อยู่แล้วปลอดโปร่งโล่งใจ แต่อยู่แล้วต้องระแวงตลอดเวลา แค่แฟนขับรถออกนกบ้านไกลสายตาก็ต้องโทรฯ เช็คหรือให้รายงานตัวทุกชั่วโมง ถ้าเป็นละก็ ถามตัวเองนะคะ อยากสบายใจไหม อยากปลอดโปร่งใจหรือเปล่า 3. ไร้ซึ่งความเป็นเรา นึกถึงแต่เรื่องของตัวเอง ไม่ว่าคุณหรือเขา ถ้าสิ่งที่ทำอยู่บ่งบอกว่า คิดถึงแต่ตัวเองหรือครอบครัวตัวเองก่อน ประมาณว่าต้องทำทุกอย่างให้กับตัวเองเท่านั้น นั่นก็เป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่า ความรู้สึกของคุณไม่ได้มีเขาอยู่สักเท่าไหร่ ลองถามตัวเองดูนะคะ คุณหรือคู่องคุณเป็นแบบนั้นไหม 4. ทำทุกสิ่งแบบมีข้อแม้ ไม่มีความเสียสละ อยากจะทำอะไรให้กันต้องมีข้อแม้ มีข้อแลกเปลี่ยน แบบนั้นไม่ได้เรียกว่าใจแลกใจแล้วค่ะ 5. รำคาญบุพการีของอีกฝ่าย เรื่องบุพการีถือเป็นเรื่องใหญ่นะคะ […]