มัดรวมมาให้แล้ว…เช็กลิสต์จัดงานแต่ง ที่ว่าที่ทั้งหลายนำไปทำตามได้ไม่ยาก

เมื่อถึงเวลาต้องวางแผนจัดเตรียมงานแต่งงานก็ทำเอาว่าที่บ่าวสาวหลายคนหัวหมุน เพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร แพรว wedding จึงขออาสาทำหน้าที่ผู้ช่วยจัดงานแต่งงานให้คุณแบบเอกซ์คลูซีฟด้วย เช็กลิสต์จัดงานแต่ง ที่จำเป็นต่อการเตรียมงาน เมื่อบ่าวสาวได้วันวันแต่งงาน  จำนวนแขกคร่าวๆ สถานที่ และแบ่งหน้าท่ีในการรับผิดชอบเรื่องต่างๆ  พร้อมกับเคลียร์ใจกับทางครอบครัวเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาต้องมาลงรายละเอียดในการเนรมิตงานแต่งกันแล้ว

1. แขกในงาน

  • ลิสต์รายชื่อแขกที่จะเชิญมาร่วมงานอย่างจริงจัง จะเชิญแขกงานเช้ากับงานเย็นแยกกันหรือไม่ รวมไปถึงนำลิสต์ รายชื่อแขกของพ่อแม่มารวมด้วย จะได้รู้ว่าจำนวนแขกทั้งหมดที่จะมางานของคุณมีจำนวนกี่คน
  • เผื่อจำนวนแขกจากจำนวนการด์เชิญไวด้วย เช่น ให้การ์ดไป 1 ใบ แต่แขกอาจจะพาคนรู้ใจหรือครอบครัวมาด้วย
  • ใช้โซเชียลให้เป็นประโยชน์ ด้วยการตั้งอีเวนต์ผ่านทางเฟซบุ๊กแล้วให้เพื่อนๆ กดว่าจะไป ไม่ไป หรืออาจจะไป เพื่อจะนำมาคำานวณได้ถูก แต่วิธีนี้เหมาะสำาหรับเพื่อนๆ เท่านั้น เพราะแขกผู้ใหญ่นั้นการไปเชิญด้วยตัวเองดีที่สุด

2. งบประมาณที่ตั้งไว้

  • วางแผนว่าจะใช้จ่ายเงินเท่าไรในเรื่องใดบ้าง เช่น ค่าสถานที่ ค่าอาหาร ค่าชุด ค่าตกแต่งงาน ฯลฯ
  • จัดลำดับความสำคัญในเรื่องการใช้จ่าย ว่าคุณให้ความสำคัญกับเรื่องใดในงานแต่งที่สุด เช่น ดอกไม้ต้องอลัง หรืออาหารต้องอร่อย เพื่อจะได้เทงบให้กับเรื่องที่อยากให้ความสำคัญมากกว่าเรื่องอื่น ๆ
  • อย่าลืมแยกค่ามัดจำต่างๆ เอาไว้ด้วย และตั้งเดดไลน์ในการจองหรือมัดจำในเรื่องต่างๆ ให้รอบคอบ

3. สถานที่จัดงานแต่งงาน

  • เช็กเรื่องต่างๆ กับสถานที่ให้ดีก่อนที่จะจอง เช่น มีที่จอดรถพิเศษสำหรับแขกวีไอพีหรือไม่ ห้องพักหรือห้องเก็บตัวสำหรับบ่าวสาวและครอบครัว ห้องน้ำสะดวก และเพียงพอต่อจำนวนแขกหรือไม่ เป็นต้น
  • หากจัดงานแต่งงานต่างจังหวัด จะต้องจัดหาห้องพักสำหรับแขกผู้ใหญ่หรือแก๊งเพื่อนเจ้าบ่าว-เจ้าสาวหรือไม่ หรือหากจัดงานที่กรุงเทพฯ แต่มีแขกจากต่างจังหวัดมา ต้องเตรียมห้องพักเพื่อรองรับด้วยหรือเปล่า
  • อย่าเพ่ิ่งจองสถานท่ี่หากคุณคิดจะใช้บริการเวดดิ้งแพลนเนอร์ เพราะเหล่าเวดดิ้งแพลนเนอร์มืออาชีพอาจจะสามารถให้ความช่วยเหลือเรื่องสถานที่ได้เป็นอย่างดี ทั้งช่วยเสนอไอเดียและช่วยแจ้งให้ทราบเรื่องสิทธิพิเศษต่างๆ หรือแม้กระทั่งส่วนลดที่ดีกว่า
  • หากบ่าว-สาวมีอาหารหรือเครื่องดื่มที่จะนำเข้าไปเพิ่มเติมเองในงานควรแจ้งทางสถานที่ให้รู้ล่วงหน้า และอย่าลืมสอบถามว่าต้องมีค่าใช้จ่ายสำาหรับการนำอาหารและเครื่องดื่มจากข้างนอกเข้ามาหรือไม่ และควรแจ้งกับเวดดิ้งแพลนเนอร์ด้วยเพื่อช่วยในเรื่องของการจัดพื้นที่ในงาน

4. เวดดิ้งแพลนเนอร์

  • มองหาเวดดิ้งแพลนเนอร์ที่ไว้ใจให้มาเนรมิตงานแต่ง
  • แจ้งธีมงานที่อยากได้ให้ชัดเจน พร้อมบอกงบประมาณที่มีแบบตรงไปตรงมา เพื่อที่ทางเวดดิ้งแพลนเนอร์จะได้ออกแบบงานแต่งให้อยู่ในงบประมาณที่ตั้งไว้
  • แจ้งรูปแบบการจัดงานกับเวดดิ้งแพลนเนอร์ให้ชัดเจนว่าจะเป็นงานเลี้ยงแบบค็อกเทล โต๊ะจีน หรือซิตดาวน์ ดินเนอร์ เพื่อจะได้จัดรูปแบบภายในงานได้อย่างถูกต้องเหมาะสมและตรงกับธีมที่บ่าว-สาวอยากได้
  • ให้ความเชื่อใจในความเป็นมืออาชีพว่าเขาจะทำทุกอย่างให้กับคุณได้ดีที่สุด และอดทนรอคำตอบในเรื่องต่างๆ เพราะอย่าลืมว่าเขาไม่ได้จัดงานแต่งให้คุณแค่คู่เดียว ที่สำคัญบ่าวสาวต้องให้ความเคารพในเวลาส่วนตัวของเวดดิ้งแพลนเนอร์ด้วย

5. ชุดแต่งงาน

  • วางแผนเรื่องชุดแต่งงานล่วงหน้าอย่างน้อย 6 เดือน ก่อนถึงวันงาน เพราะอย่าลืมว่าต้องเผื่อเวลาไว้สำหรับ การแก้ไขชุดให้พอดีกับรูปร่างด้วย โดยเฉพาะชุดเจ้าสาวที่มีรายละเอียดเยอะกว่าชุดเจ้าบ่าวมากเป็นพิเศษ
  • สำหรับชุดเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาว คุยกันให้ชัดเจนว่าจะปล่อยให้เพื่อนๆ จัดการตัวเองด้วยงบของพวกเขา หรือจะออกค่าใช้จ่ายในส่วนไหนให้กับเพื่อนๆ ได้บ้าง
  • แนะนำให้รีบมองหารองเท้าแต่เนิ่นๆ อย่าลืมว่าลุคโดยรวมทั้งหมดของคุณจะต้องออกมาดูดี โดยเฉพาะเจ้าสาวที่ใส่รองเท้าส้นสูง เพราะทางร้านจะได้นำความสูงของรองเท้ามาออกแบบความยาวของชุดแต่งงานให้พอดีกัน
  • มองหาเครื่องประดับอื่นๆ เช่น เฮดพีซ ต่างหู เวล โบไท หรือบูโทเนียร์ เป็นต้น
  • อย่าลืมแอ๊กเซสซอรี่ส์ของเพื่อนเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าสาวด้วย เช่น ข้อมือหรือช่อดอกไม้เพื่อนเจ้าสาว และแอ๊กเซสซอรี่ส์สุดพิเศษที่แก๊งเพื่อนเจ้าบ่าวอยากใส่ให้เข้ากัน

Recommended