แพงจัง ดีจริงเหรอ เว่อร์ไปรึเปล่า
“ผมว่าเราไม่แพงนะครับ หรืออย่างน้อยเราไม่ใช่ทีมที่แพงที่สุดแน่นอนครับ ความแพงไม่แพงมันมีเรื่องของความชอบด้วยครับ ความพอใจของแต่ละคนครับ เหมือนการเลือกซื้อรถญี่ปุ่นกับ รถยุโรปนั่นแหละ และอีกเรื่องนึงคือการเซอร์วิชแน่นอนครับ จ่ายแพงหน่อยก็ต้องได้เซอร์วิชที่ดีขึ้น ซึ่งสำหรับผม คือ ความตรงต่อเวลา ความเร็วและความเป็นมืออาชีพของสต๊าฟทุกคน ผมมั่นใจว่าสต๊าฟผมทุกคนเป็นมืออาชีพนะครับ ทั้งในเรื่องการถ่ายภาพ การแต่งตัว มารยาทในการทำงาน ไม่มีแน่นอนที่จะมาใส่หมวกประหลาดๆ หรือทำตัวดูเด่นท่ามกลางแขก ยูนิฟอร์มของเรา ผมเลือกให้ทีมงานทุกคนกลมเลือนไปกับแขกครับ
“ส่วนในเรื่องเนื้องาน ผมไม่ได้เป็นช่างภาพที่ชอบประกาศตัวเองว่า ผมเก่ง ผมไม่เคยพูดว่าผมเป็นช่างภาพที่เก่ง ถ่ายรูปสวย ไม่มีใครสู้ไม่ได้ ผมไม่เคยพูดหรือรู้สึกแบบนั้นครับ ผมว่าคำชมต่างๆ แบบนี้มันต้องให้ลูกค้าเป็นคนพูดให้เราได้ยินดีกว่าครับว่าเราเป็นยังไง ฉะนั้นเวลามีลูกค้าโทรมาบอกว่ามีเพื่อนแนะนำเพื่อนไป ผมจะบอกเลยว่า ให้เพื่อนดูงานผมก่อนนะครับว่าชอบไหม ถ้าชอบก็ค่อยมาคุยกันอีกที เพราะผมว่าถ้าลูกค้าชอบงานเราเมื่อไหร่ เรื่องคำว่าแพงมันจะไม่เกี่ยวแล้ว และเราไม่ได้แพงเว่อร์ เพราะช่างภาพสองคนเริ่มที่หลักหมื่นเองไม่ใช่หลักแสน
“อีกเรื่องที่สำคัญคือ ทีมงานเราทุกคนแทบไม่เคยเปลี่ยนตัว งานไหนๆ ก็คนเดิมๆ คุณภาพเดิมๆ เราไม่ใช่แนวดึงมือปืนรับจ้างมาช่วยเฉพาะงานดารา แต่ถ้าคุณสงสัย แพงจัง ดีจริงเหรอ เว่อร์ไปรึเปล่า คุณก็ต้องลองนะ”
จ่ายแพงขนาดนั้น แปลว่างานนี้ไม่มีคำว่าพลาดใช่ไหม
“มีงานที่เคยทำพลาดไหม ความพลาดไม่ค่อยมีหรอกครับ ถ้าถามว่าผิดพลาดหรือที่เรารู้สึกผิดพลาด (คิดอยู่นานมาก) อาจมีครั้งนึงที่มีอุบัติเหตุเลยทำให้ไฟล์หาย แต่เป็นแค่ครั้งเดียวเมื่อนานมาแล้ว แต่ตอนนั้นช่างภาพคนเดียวที่ไฟล์หาย ซึ่งไอ้ช่างภาพคนนั้น มันคือตัวผมเลย วิธีการแก้ปัญหาคือคุยกับลูกค้าก่อน บอกตรงๆ เลยว่าเราทำอะไรพลาด มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น แต่บอกแล้วต้องมีทางแก้ไขให้ด้วยเสมอนะ อย่างที่บอกไปแล้วว่าทีมผมจะมีช่างภาพ 3 คน ฉะนั้นจะเหลือภาพจากอีก 2 กล้อง ก็จะเอาภาพของในทีมมาทำสีเป็นตัวผมให้พอจะทดแทนกันได้ แล้วส่งงานให้ลูกค้า
“ประเด็นคือ ความพลาดไม่มีใครอยากให้เกิด ถ้ามันเกิดแปลว่าไม่ต้องปิดกัน บอกลูกค้าไปตรงๆ และแก้ไข ต่อไปต้องระวัง ซึ่งอย่างที่บอกว่าครั้งนั้นคือ ครั้งเดียวที่พลาดจริงๆ”
“ไม่มีผมคือไม่ว่าง นอกจากซีนีม่าแยกได้ครับเพราะไม่ได้ต้องการตัวผมในการถ่ายทำ ถ้าคุณต้องการใช้ Vin คุณจะได้ Vin หนึ่งวันได้เต็มที่สามคิวคือเช้าบ่ายเย็น ราคาโปรโมชั่นอยู่ที่ 95,000 เองนะ (ราคาต่อคิว) มีช่างภาพ 3 คน รวมผมแล้วบวกผู้ช่วย 2 คน (เป็น 5 ชีวิต) ซึ่งจริงๆ ผมว่าผมจะขึ้นราคาอีกก็ได้นะครับ ที่ผ่านมาทุกคนมองว่าผมนี่ราคาแพงมากกกก แสนอัพแน่นอน แต่ไม่ใช่นะ เพราะส่วนตัวผมชอบเอนเตอร์เทรนคน มีความสุขกับการทำให้คนอื่นมีความสุข เช่น หลายๆ ครั้งมีคนส่งข้อความหาเราเรื่อยๆ ว่าอยากใช้บริการมากๆ แต่แพงจังอยากได้แต่งบไม่ถึง ถึงแม้เราบอกราคาไปหลักหมื่นแต่เขาก็ไม่ไหว ผมก็เลยรู้สึกว่าถ้าเราราคาอยู่แบบนี้เราก็จะเซิร์ฟคนได้ในวงที่กว้างมากกว่า ผมและทีมสามารถทำให้คนแฮปปี้ได้มากว่า ไม่ใช่บริการแต่คนระดับบนๆ รวยๆ ฉะนั้นถ้าเริ่มต้นกับผมแค่ 95,000 ไม่มีขั้นสูงขั้นต่ำ ไม่แบ่งชนชั้น ราคาเดียวจบเลยครับ
“ถ้ามีการต่อรองลดหน่อยได้ไหม ไม่ลด เอาช่างภาพสองคนก็พอได้ไหม ถ้าสองคนก็ 90,000 ครับ งั้นพี่คนเดียวได้ไหม คำตอบคือ ไม่ได้ครับ เพราะขั้นต่ำสองคนถึงจะได้งานที่ดี ชัดเจนครับ ซึ่งถ้าใช้เซอร์วิชอื่นๆ อย่างเอาซีนีม่าด้วยจะมีส่วนลดให้ ไปต่างประเทศก็ลดได้ ผมไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้น แต่ถ้าพูดถึงในกรณีที่ไปถ่ายพรีเวดดิ้งต่างประเทศนั่นแหละอาจจะใช่ที่มีราคาค่าตัวผมคนเดียวชัดเจนคือ 80,000 บาท ต่อการทำงาน 6 ชั่วโมง ส่วนรายละเอียดการทำงานก็มาว่ากันต่อไปว่ากี่วัน อันนั้นค่อยมาคุยราคากันอีกที”
ในระดับราคาและช่างภาพเกรดเดียวกัน จะตัดใจเลือกจ้างคนไหนดี คุณมีคำแนะนำไหม
“ตัดโลโก้ออกครับ เอาโลโก้ออก อย่าดูโลโก้ให้ดูที่ภาพว่า คุณชอบรูปสไตล์ไหนมากกว่ากันแล้วจะได้คำตอบที่เป็นความต้องการของคุณจริงๆ แต่ก็มีลูกค้าบางคู่นะครับที่ออกแนวเน้นแบรนด์หน่อยๆ คือโดยปกติ ผมจะเป็นคนขี้เกรงใจ การที่ผมใส่โลโก้เล็กๆ ไปให้ (กับ file low-res) แต่กลายเป็นว่าลูกค้าไม่ยอม ขอใหญ่ๆ ชัดๆ ด้วยเหตุผลว่า จ้างพี่ที่โลโก้ เพราะเขารู้สึกว่าได้ซื้อแบรนด์ แต่ผมอยากจะแนะนำอะไรอย่างนึงครับ ถึงแม้ว่าเราจะทำงานให้ดาราเยอะมากๆ แต่ผมอยากให้จำไว้ครับว่า ไม่ใช่ทุกอย่างที่ดาราใช้ จะเป็นของดี ยิ่งดาราใช้ยิ่งต้องดูให้ดีๆ ก่อนเลือกครับ หลายๆ ทีม หลายๆ คนดูและดาราเหมือนดารา แต่สำหรับผม ดารากับคู่อื่นๆ ก็คนเหมือนกัน ดาราได้รูปเร็วมากหลังงาน ผมก็ทำให้ทุกๆคู่เหมือนกับดาราครับ”
กันความมึนอีกสักนิด เพราะบ่อยครั้งเหลือเกินที่บ่าวสาวงงงวยไปกับโลโก้ Vin ว่าเป็นของแบรนด์ไหนกันแน่ งั้นบอกตรงนี้เลยว่า หากเมื่อไหร่ที่พูดถึงแบรนด์ Vin หรือโลโก้ Vin ที่ทุกคนเห็นบนภาพงานแต่งงานและอีกนับหมื่นๆ ภาพ เป็นภาพจาก วิน (Vin)-ภูริต เนติมงคลชัย คนนี้นะจ้ะ