การแต่งงาน เป็นเพียงแค่การเริ่มต้น เพราะ ชีวิตหลังแต่งงาน นั้นมีอะไรที่คุณและคนรักยังต้องเรียนรู้กันอีก
ก่อนการแต่งงานหลายคู่วาดภาพการใช้ชีวิตคู่ซะสวยหรู แต่เอาเข้าจริงกลับไม่เป็นอย่างที่ฝัน กว่าจะรู้ตัวก็เรียกได้ว่า ครอบครัวเกือบพัง ซึ่งถ้าคุณกำลังจะแต่งงานและไม่อยากเจอสภาพแย่ๆ เหมือนคู่ที่ชีวิตคู่ไม่เป็นอย่างฝันละก็ แพรว wedding อยากให้ลองเช็คความสัมพันธ์ของคุณตอนนี้เลย ถ้ามีข้อใดเข้าข่ายละก็ มาลองปรับเปลี่ยนตัวเองกันดีกว่า เพื่อที่ ชีวิตหลังแต่งงาน ของคุณและคนรักจะได้ราบรื่นยืนยาว
1. ไม่ให้ความสำคัญกับคู่ชีวิตเป็นอันดับต้นๆ
การแต่งงานไม่ใช่การเข้าคุกหรือโรงเรียนประจำ ดังนั้นคุณจึงยังคงมีอิสระในการใช้ชีวิตส่วนตัว เพียงแต่ว่าคุณควรต้องให้ความสำคัญกับคู่ชีวิตที่คุณเลือกมาเป็นอันดับต้นๆ จะไปไหนทำอะไรขอให้คิดถึงอีกคนเสมอว่า การตัดสินใจของคุณจะมีผลกระทบอะไรกับความรู้สึกของอีกฝ่ายไหม หรือทำอะไรไปแล้วอีกคนรู้เป็นคนหลังๆ ก็ไม่ค่อยเวิร์คนะคะ ซึ่งถ้าคุณนึกอยากจะทำอะไรก็ทำแบบนั้นละก็ ชีวิตแต่งงานไม่แคล้วมีปัญหาชัวร์
2. สื่อสารความในใจกันน้อยเกินไป
คู่ที่คุยกันน้อยเหลือเกินเป็นคู่ที่เสี่ยงชีวิตคู่พังค่ะ เพราะความคิดและความรู้สึกไม่ได้ถูกถ่ายทอดให้อีกฝ่ายได้รับรู้ ซึ่งถ้าคุณไม่พูด เอาแต่เก็บกดไว้ในใจ แล้วคิดว่าชินซะแล้ว ความในใจที่มี ความอึดอัดที่เกิดจะมีใครรู้แล้วจะช่วยกันแก้ปัญหาได้ยังไงล่ะจริงไหม
3. ไม่รู้จักรักษาความลับ
เรื่องในบ้านก็ควรอยู่แต่ในบ้าน เรื่องส่วนตัวระหว่างคุณกับเขาก็ไม่ควรนำออกไปเม้า ยิ่งเป็นเรื่องความลับที่คุณก็รู้อยู่แล้วว่าเขาเองคงไม่ชอบแน่นอนที่คนนอกจะรู้เรื่องนั้นๆ ยิ่งต้องเก็บให้มิด ไม่ใช่เที่ยวได้บ่นกับเพื่อนๆ เพราะคิดแค่ว่าต้องหาที่ระบาย ระวังเถอะ เขารู้ว่าคุณเอาไปเม้าเมื่อไหร่ คุณจะไม่ได้รู้อะไรจากเขาอีกเลย ซึ่งถ้าวันหนึ่งเขาไม่คิดจะพูดอะไรให้คุณรู้อีกเลย ครอบครัวของคุณจะยังเป็นครอบครัวอยู่ไหมล่ะ
4. ความสัมพันธ์ที่ไม่ดีระหว่างคุณกับครอบครัวของอีกฝ่าย
อย่างที่เคยบอกไปล้านๆ ครั้งแล้วว่า การแต่งงานไม่ใช่เรื่องของคนสองคนเท่านั้น โดยเฉพาะในสังคมไทยที่การแต่งงานคือการรวมความสัมพันธ์ 2 ครอบครัวเข้าไว้ด้วยกัน ฉะนั้นถ้าคุณมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับครอบครัวอีกฝ่าย แล้วคุณคิดหรือว่าชีวิตครอบครัวของคุณจะสมูทได้
5. ไม่เคยเอ่ยปากขอโทษและยอมรับความผิด
อย่าทำตัวปากหนักประเภทว่ารู้ว่าตัวเองผิดอยู่เต็มอกแต่ก็ไม่เอ่ยปากขอโทษเพื่อแสดงความรับผิดชอบ เพราะสำหรับชีวิตคู่ การยอมรับในสิ่งที่ตัวเองทำพลาดไป และรู้จักเอ่ยคำขอโทษออกมาจากใจ จะช่วยให้คุณได้รับความเข้าใจและให้อภัยได้มากกว่าการทำฟอร์มและปล่อยให้อีกฝ่ายคิดว่า ช่างเถอะ เขาก็เป็นแบบนี้
6. ไม่เคยพูดขอบคุณ
จะยากตรงไหนแค่เอ่ยปากขอบคุณในสิ่งที่อีกฝ่ายทำให้กัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ หรือเรื่องใหญ่โต เพราะอีกฝ่ายจะสัมผัสได้ถึงการรับรู้ต่อสิ่งที่เพียรดูแลและทำให้ แต่ถ้าคุณไม่เคยพูดออกจากปากว่า ‘ขอบคุณ’ คนที่ทำให้จะรู้สึกหมดแรง หมดกำลัง และอาจคิดไปไกลว่า สิ่งที่ทำให้มีคุณค่าอะไรบ้างไหมเนี่ย
7. หึงหวงเกินเหตุ
หึงได้หวงได้ แต่ขอให้อยู่ในความพอดี เพราะถ้ามากไปละก็ อีกฝ่ายจะรู้สึกได้ถึงคำว่า ‘ไม่เชื่อใจกันเลยหรือไง’ ซึ่งจริงๆ แล้วอีกฝ่ายอาจไม่เคยทำอะไรผิดเลยสักนิด แต่คุณก็หึงหวงมากไปและพาลจับผิดสารพัดจนอีกฝ่ายอึดอัดและทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างกันย่ำแย่โดยไม่รู้ตัว
8. ไม่แน่ใจว่าที่รู้สึกเรียกว่า ‘รัก’ หรือเปล่า
ข้อนี้ออกจะร้ายกาจรุนแรงอยู่สักหน่อย ถ้าอยู่ๆ คุณเกิดตอบตัวเองหรือแม้แต่คนอื่นไม่ได้ว่า ความรู้สึกของคุณที่มีกับอีกฝ่ายยังสามารถเรียกว่า ‘รัก’ ได้เหมือนเดิมไหม เพราะมีหลายคู่ที่อยู่ๆ แล้วรู้สึกเฉยๆ ให้อยู่ด้วยกันก็อยู่ได้อะไรแบบนั้น ซึ่งถ้าคุณได้คำตอบว่า ้ตัวนะว่า ยังคงใช้ตำว่า ัมผัสได้ถึงการกันไปแล้วความรู้สึกรักในตอนก่อนแต่งงานหายไปโดยไม่รู้ตัว ซึ่งถ้าค้นพบว่าคำๆ นี้ไม่อยู่แล้วจริงๆ ลองถามตัวเองค่ะว่า จะทำให้ความรู้สึกนั้นกลับมาได้ไหม และถ้าไม่ได้ ชีวิตคู่ที่ดำรงอยู่ตอนนี้จะไปในทิศทางไหน
ไม่ว่าคุณจะเผชิญกับเรื่องบ่อนทำลายชีวิตคู่หนักหนาสักแค่ไหน ถ้าคำว่า ‘รัก’ ยังอยู่ เชื่อเถอะค่ะว่า อะไรๆ ก็จะผ่านไปได้ เชื่อแพรว wedding นะคะ
ภาพ : www.huffingtonpost.com
อ่านบทความเพิ่มเติม
เมื่อแฟนทะเลาะกับพ่อแม่ แล้วคนกลางอย่างเราจะวางตัวอย่างไร?
ว่าที่ลูกสะใภ้รู้ไว้ก็ดีจะได้ทำตัวถูกกับ 4 นิสัยพื้นฐานของพ่อสามี
เฉลิมฉลอง “วันจูบสากล” ด้วย ข้อดีของการจูบ ที่คู่รักอาจยังไม่รู้!!