A (BIG) DAY IN THE LIFE


    ครบรอบหนึ่งทศวรรษทั้งที WE ขอชวนผู้อ่านทุกท่านนั่งไทม์แมชีนกลับไปดูวันหวานแห่งความทรงจำผ่านภาพประทับใจ พร้อมความนัยที่ไม่เคยบอกใครมาก่อนของ 11 คู่รัก ซึ่งบอกได้เลยว่าครบทุกอารมณ์และช่วงวัย แต่ใครจะเป็นใคร แต่งกันมานานแค่ไหน กดปุ่มสตาร์ตเดินทางไปกับเราได้เลย



 






กุลนัดดา ปัจฉิมสวัสดิ์



    “ช่วงเฟิร์สต์แด๊นซ์เป็นช่วงที่อยู่ในความทรงจำของนิน่ามากที่สุด เพราะจู่ ๆ เพื่อนที่มาเป็นดีเจให้ก็ทำเซอร์ไพร้ส์ประกาศเรียกบ่าว – สาวขึ้นไปบนเวที แล้วเปลี่ยนจากเพลงดิสโก้ยุค 70 มาเปิดเพลงของคุณดอน สอนระเบียบ ให้เราเต้นรำกัน ไม่ถึงนาทีญาติ ๆ ก็กระโดดขึ้นมาเต้นด้วยแล้วก็เต้นกันอย่างนั้นจนถึงตีหนึ่ง เป็นโมเมนต์ที่สนุกและมีความสุขมาก ซึ่งภาพที่เลือกมาเป็นภาพที่เก็บอารมณ์ตอนนั้นได้หมด



    “เมื่อไม่นานมานี้นิน่าเปิดดูภาพแล้วนึกถึงความสุขในวันนั้นเลยเอามาตั้งเป็นล็อกสกรีนโทรศัพท์ พอโชว์ให้สามีดูเขาก็ชอบ เลยชวนให้เขาใช้ภาพนี้เป็นล็อกสกรีนเหมือนกัน (ยิ้ม) ตอนนั้นเราแต่งงานกันมา 5 ปีแล้วก็หวังว่าคู่เราจะอยู่ด้วยกันนานๆ เหมือนที่ WE อยู่คู่ผู้อ่านตลอดไป"






ศรัยฉัตร กุญชร ณ อยุธยา



    “ความทรงจำที่ประทับใจที่สุดในวันแต่งงานคือ ครอบครัวเพื่อนฝูงที่มาร่วมงานกันพร้อมหน้า อาจเป็นเพราะหนิงแต่งงานเป็นคนแรก ๆ ด้วย ตอนนั้นเพื่อนทุกคนยังโสด ไม่ต้องรีบกลับไปดูแลลูกหรือครอบครัว ทำให้ช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้สนุกกันสุดเหวี่ยง เมาจนต้องหิ้วปีกกันกลับ บางคนกลับไม่ไหวก็ต้องนอนที่โรงแรมกับหนิง” (หัวเราะ)






ม.ร.ว. เขมาสินี ยุคล



    “จริง ๆ ประทับใจทุก ๆ นาทีในงานอยู่แล้ว แต่พอมาย้อนดูรูปแล้วชอบภาพตอนโยนดอกไม้มาก ๆ เพราะทำให้นึกถึงวินาทีที่ยืนอยู่บนเวทีแล้วมองลงไปเห็นบรรยากาศความสนุกสนาน เสียงกรี๊ดกร๊าดของคนที่จะแย่งดอกไม้ ซึ่งสีหน้าทุกคนเป็นธรรมชาติมาก ๆ ให้ความรู้สึกว่าไม่ใช่เราสองคนเท่านั้นที่มีความสุข แต่แขกก็สุขไปด้วย กับอีกโมเมนต์คือตอนที่กำลังเซ็นอวยพรให้ตัวเองบนจอ เพราะปกติตรงนั้นมีไว้ให้คนอื่นเซ็นอวยพรเรา แต่นาทีนั้นมีคนเชียร์ว่าเขียนอวยพรให้ตัวเองด้วยสิ ก็เลยหยิบปากกาขึ้นมาเขียนว่า ‘เริ่มต้นกันแล้วนะ’ ”






ผดุง ทรงแสง (แจ๊ส ชวนชื่น)



    “พูดเลยว่า นี่คือครั้งแรกในชีวิตที่จัดงานเฉลิมฉลองให้กับตัวเอง เพราะที่ผ่านมาวันเกิดก็ไม่เคยจัดงาน แค่ไปกินข้าวที่ร้านอาหาร ยิ่งครั้งแรกเป็นงานแต่งด้วย ยิ่งอยากให้คนที่มางานได้อะไรมากกว่าการมากินกระเพาะปลาแล้วตบมือ ผมอยากให้เพื่อน ๆ พี่ ๆ ที่มาร่วมยินดีเป็นร้อย ๆ คนตรงหน้ารู้สึกชอบงานแต่งนี้ ก็เลยใส่ความเป็นตัวเองของผมกับแจงเข้าไป คือ ความกวนตีนและความสนุก



    “ตอนเปิดตัวเราใส่ชุดบ่าว – สาวสลับกันออกมา เพราะตอนถ่ายพรีเวดดิ้งพี่ที่ร้านเขาเชียร์ให้ใส่ พอคิดว่าอยากได้อะไรเซอร์ไพร้ส์ในงานก็เลยเอาเรื่องชุดนี่แหละมาใช้ ตอนที่ทำก็ไม่คิดว่าคนจะพูดถึงเยอะขนาดนี้หรอก แต่คงเพราะความเป็นตัวเราเอง มันยิ่งเพิ่มความสนุกเข้าไปอีก ก็เลยกลายเป็นพาร์ตหนึ่งในวันแต่งงานที่ยังจำได้จนถึงทุกวันนี้และเชื่อว่าจะจำไปตลอดชีวิตเลยละ”






นภัสกร มิตรเอม



    “รูปนี้เป็นช่วงสุดท้ายในงานแต่งงาน ผมร้องเพลง ขอรับรองว่าเป็นความจริง ซึ่งเป็นเพลงที่ผมแต่งเองเซอร์ไพร้ส์ป๊อก ในภาพเป็นตอนที่ร้องเพลงจบพอดีแล้วลงไปคุกเข่าต่อหน้าเขาเพื่อจะตอบคำถามที่เขาเคยถามผมว่า ผมจะรักและอยากใช้ชีวิตอยู่กับเขาจริง ๆ หรือเปล่า ผมบอกเขาไปว่า จริง คำตอบทุกอย่างอยู่ในเพลงเพลงนี้



    “ผมไม่ได้ให้ความสำคัญกับรูปถ่ายหรือช่วงไหนในงานเป็นพิเศษเพราะสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผมในวันนั้นคือ ‘ป๊อก’ คนเดียวเท่านั้น”








พอลล์ กาญจนพาสน์



    "ประทับใจช่วงเปิดตัวเจ้าบ่าว – สาวที่สุด เพราะถือเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตคู่ เสมือนการประกาศให้ทั้วโลกรับรู้ถึงความรักที่สวยงามของเรา ซึ่งพร้อมจะเดินทางเคียงข้างกันนับจากนี้ ในภาพจะเห็นได้ถึงรอยยิ้มที่สะท้อนความรู้สึกอิ่มเอมใจและเต็มไปด้วยความสุขออกมา ทำให้หลายๆ คนยิ้มได้ยิ้มไปกับเราด้วย นอกจากนี้ยังเป็นภาพมุมกว้างที่เห็นห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม ซึ่งผมเนรมิตให้สวยงามตระการด้วยตัวเอง ทำให้ทั้งสุขใจและภูมิใจทุกครั้งที่เห็นภาพนี้"








ไตรภพ ลิมปพัทธ์



    "โบราณถือกันว่าห้ามทำแก้วแตกในวันแต่งงานเด็ดขาด แต่วันนั้นกลับมีพนักงานเดินสะดุดทำแก้วแตกหมด ไม่เหลือเลยสักใบเดียว ผู้ใหญ่ก็หน้าเสียไปตามๆ กัน แต่สำหรับผม ตอนนั้นถามตัวเองว่า เราจะเชื่อถือเรื่องพวกนี้หรือจะเชื่อถือตัวเองและเชื่อในสิ่งที่จะทำต่อไป คำตอบที่ได้คือ เราต้องเชื่อถือตัวเราอยู่แล้ว เพราะทุกอย่างอยู่ที่เราทำทั้งนั้น ไม่เกี่ยวกับแก้ว การใช้ชีวิตคู่มันอยู่ที่ว่าเราจะทำให้มันแตกหรือเปล่า"



    "อีกเรื่องคือ เมื่อก่อนผมเป็นคนกินเหล้ามาตลอด วันแต่งก็กินตามปกติ พอพิธีการเสร็จต้องออกไปยืนส่งแขกหน้างาน ผมยืนดื่มเหล้าคุยกับเพื่อนๆ แวบหนึ่งที่กันไปเห็นเขาก็เกิดความรู้สึกขึ้นในใจว่า ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนที่เราต้องเลี้ยงและดูแลนับจากนี้เป็นต้นไป จากนั้นก้มองไปที่แก้วเหล้าในมือแล้วคิดขึ้นมาว่า ที่ผ่านมาเราเลี้ยงไอ้นี่มาตลอด นับแต่นี้ไปพอแล้ว ผมเลิกกินเหล้าตั้งแต่วันนั้นมาถึงวันนี้ หรือพูดง่ายๆ ว่าไม่กินเหล้ามาเท่ากับจำนวนวันที่แต่งงาน ทั้งหมดที่อยากบอกคนอื่นคือ วันแต่งงานมีอะไรน่าจำมากมายไม่ต่างจากวันอื่นๆ เพียงแต่สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตมนุษย์ ถ้าเรารู้จักแปลความหมาย หาสิ่งดีๆ ให้เจอชีวิตก็จะดีเอง ไม่ได้อยู่ที่สังคม ผู้คน ฐานะ มันอยู่ที่ทำอะไรต่างหาก นั่นแหละจะเป็นความทรงจำในชีวิตคู่ที่น่าจดจำ"






ม.ล.พลอยนภัส ลีนุตพงษ์



    “วันที่เข้ารับสมรสพระราชทานจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯที่พระราชวังไกลกังวล เป็นวันที่มีความหมายกับขวัญมาก ๆ ไม่ใช่เพียงเพราะว่าได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จฯเพียงอย่างเดียว แต่การเข้าพิธีของขวัญในวันนั้นทำให้ได้รู้ว่า ท่านย่า (หม่อมเจ้าภัทรลดา ดิศกุล) มีความสุขมากกว่าขวัญหลายร้อยเท่า เพราะแม้ว่าเราจะต้องรอนานถึง 3 – 4 ชั่วโมงจึงจะได้เข้าพิธี ท่านก็ยังยิ้มแย้มและมีสีหน้าที่บ่งบอกให้รู้ได้เลยว่าท่านอิ่มเอิบใจและมีความสุขมาก ๆ กับวันนี้ของขวัญ ซึ่งเป็นหลานคนแรกที่แต่งงาน ยิ่งในวินาทีที่เข้าสู่พิธีการ ทันทีที่สมเด็จฯ ทักทายท่านย่าอย่างเป็นกันเอง ก็ยิ่งทำให้ท่านย่าปลาบปลื้มมากขึ้นไปอีก”






วลัยลักษณ์ มุสิกโปฎก



    “ ในวันแต่งงานก้อยประทับใจอยู่ 2 ช่วง คือ ช่วงสวมแหวน เพราะเป็นบรรยากาศที่อบอุ่นพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งสองครอบครัวและเป็นสถานที่ที่เราเซตขึ้นมาเองในสไตล์วินเทจที่ไม่เน้นความหวานหรือดอกไม้ ส่วนอีกช่วงที่ประทับใจคือตอนที่โย่งต้องเย็บชุดแต่งงานช่วงเย็นให้ก้อยเพราะไม่พอดีกับตัว ก้อยว่ามันเป็นช็อตที่ดูน่ารักและอบอุ่นมาก ที่สำคัญคือ ชุดแต่งงานชุดนี้โย่งเป็นคนตัดให้ เขาไปเรียนตัดเสื้ออยู่ 3 เดือนจนได้ชุดนี้ออกมา ตอนนี้ชุดก็แขวนไว้ที่บ้าน เห็นเมื่อไรก็จะรู้สึกมีความสุขทุกครั้ง”






ปาลาวี บุนนาค อิสสระ



    “ตลอดเวลาที่รู้จักกับครอบครัวของวาฬ (วรสิทธิ์ อิสสระ) แพรได้รับการต้อนรับและความอบอุ่นจากคุณพ่อคุณแม่ของวาฬ (สงกรานต์ – ศรีวรา อิสสระ) อย่างสม่ำเสมอ และยิ่งรู้สึกมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อกลายเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว จนแพรเองรู้สึกว่า เราไม่เคยขาดความรักที่ท่านทั้งสองมอบให้เลยนับตั้งแต่วันแต่งงานจนถึงปัจจุบัน”






ชนัญชิตา ณ ระนอง



    “ความจริงรูปนี้ก็น่าจะเป็นอะไรที่ธรรมดา เพราะเจ้าบ่าว – เจ้าสาวทุกคนต้องมี แต่สำหรับกุ้งมันเป็นอะไรที่พิเศษมาก ช็อตนี้ไม่มีในสคริปต์เพราะผู้ใหญ่บางท่านไม่อยากให้มี จนกระทั่งถึงช่วงสัมภาษณ์บนเวที พี่เอกบอกว่า ‘ช่วงเตรียมงานแต่งงานกุ้งเหนื่อยมากเพราะต้องทำอยู่คนเดียว ทำให้ไม่มีเวลาดูแลตัวเองเลย แต่วันนี้กุ้งสวยมากครับ’ พอพูดจบเขาก็หันมาหอมแก้ม เราก็อึ้งไปเลยเพราะไม่คิดว่าเขาจะทำ เนื่องจากได้ตกลงกันแล้วและเขาก็เป็นคนขี้อายด้วย ก็เลยรู้สึกประทับใจช่วงเวลานี้เป็นพิเศษค่ะ”

 

เรื่องโดย:
ช่างภาพ:

Recommended