ความวุ่นวายใจของแขกงานแต่งมือใหม่เพิ่งหัดได้ซอง คือ ไม่รู้ว่าต้องใส่เงินเท่าไหร่ ถึงจะดูเหมาะสมและไม่น่าเกลียด คงต้องบอกตามตรงว่า ซองงานแต่ง ต้อง ใส่เท่าไร เจ้าภาพถึงจะไม่ขมวดคิ้ว เรื่องนี้ไม่ใช่แค่นั่งคิดคำนวณตัวเลขกลมๆ ในหัวแล้วเสร็จ แต่ควรดูปัจจัยอื่นๆ เป็นพื้นฐานควบคู่กันไปด้วย
ซองงานแต่ง ใส่เท่าไร ถึงเหมาะสม คิดง่ายๆ ไม่ยาก
ปัจจัยพื้นฐานสำหรับการใส่ซองงานแต่งที่ต้องนำมาคิดประกอบจะแตกต่างกันไปตามงานแต่งแต่ละงาน ไม่คงที่เหมือนกันทุกครั้ง ขึ้นอยู่กับรายได้ของแขก ความสนิทสนมกับเจ้าภาพ สถานที่จัดงานแต่งงาน อายุ หน้าที่การงาน และการไปร่วมงานแต่ง
1. ดูรายได้ของตัวเองก่อน
สิ่งแรกที่จะต้องคำนึงถึงคือ เงินเดือนหรือรายได้ของตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก ถ้ามีเยอะก็ใส่เยอะ มีน้อยก็ใส่เท่าที่ไหว ไม่ควรทำใจใหญ่ใส่เยอะจนตัวเองลำบาก หมุนเงินไม่ทันใช้เพราะเอาไปใส่ซองงานแต่ง สูตรคำนวณง่ายๆ ให้คิดไว้เสมอว่า เงินใส่ซองควรอยู่ที่ 2 – 5% ของรายได้ โดยคิดจากเงินที่คุณเหลือใช้ในแต่ละเดือนว่ามากหรือน้อย ถ้าเดือนนี้มีมากหน่อยอาจใส่ไปเลย 5% หรือเดือนนี้ค่าใช้จ่ายเยอะเป็นพิเศษใส่แค่ 2% ก็พอ แล้วกดเครื่องคิดเลขเอาง่ายๆ ได้ตัวเลขออกมาแล้วจะเพิ่มหรือลดให้ดูตามปัจจัยอื่นๆ ประกอบกัน
2. ความสนิทสนมกับเจ้าภาพ
หากบ่าวสาวเป็นญาติพี่น้องหรือเพื่อนสนิทกันมากๆ ควรจะใส่ซองให้มากขึ้นอีกหน่อย สนับสนุนและช่วยเหลือเต็มที่ และยังเป็นการแสดงน้ำใจที่มีต่อกัน (แต่อย่าลืมว่าต้องดูกำลังทรัพย์เราด้วย) ส่วนจำนวนเงินใส่ซองก็สามารถลดหลั่นลงมาตามความสนิทสนมได้ หลายคนกำหนดไว้เลย เช่น ญาติและเพื่อนสนิทใส่ 2000 เพื่อนร่วมงานใส่ 1000 เพื่อนไม่สนิทใส่ 500 เป็นต้น
3. สถานที่และรูปแบบการจัดงานแต่ง
เรื่องนี้ก็สำคัญไม่แพ้กัน ก่อนจะหยิบเงินใส่ซองให้คิดก่อนว่า เรากำลังจะไปร่วมงานแต่งในสถานที่แบบไหนและเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงอย่างไร เช่น งานแต่งจัดที่โรงแรม 5 ดาว เจ้าภาพเลี้ยงแบบบุฟเฟต์ ในกรณีนี้จะใส่ซอง 500 ก็ดูใจร้ายเกินไป ควรใส่ให้เหมาะสมโดยคิดคร่าวๆ จากราคาอาหารและเครื่องดื่มแต่ละหัว ซึ่งในโรงแรมมักจะมีราคาต่อหัวอย่างน้อย 500 – 1,000 บาทขึ้นไป ดังนั้นจึงควรใส่ซองมากกว่าเพื่อไม่ให้น่าเกลียด
4. อายุและหน้าที่การงาน
สำหรับใครที่อายุน้อยกว่าบ่าวสาว การจะใส่ซองน้อยหน่อยคงไม่แปลกอะไร แต่สำหรับคนที่อายุไล่เลี่ยกันหรือมากกว่า อีกทั้งหน้าที่การงานที่ตำแหน่งสูงกว่า ควรใส่ซองให้มากขึ้นหน่อยตามมารยาทและความเหมาะสม
5. จำนวนคนที่ติดตามเราไปร่วมงาน
ข้อนี้เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่หลายคนมองข้าม บางครั้งคิดตามหลักข้อ 1-4 แล้วก็ใส่ซองไปตามนั้นเลย โดยลืมว่าคุณไม่ได้ไปคนเดียว แต่อาจมีแฟนหรือลูกตามไปด้วยอีกหนึ่งคน แบบนี้ควรต้องเพิ่มเงินให้มากขึ้นจากจำนวนที่ตั้งใจใส่ซองไปตอนแรก หรือคิดง่ายๆ คือ นำตัวเลขนั้นคูณสองไปเลย
6. จะไปร่วมงาน หรือแค่ฝากซอง
หลายครั้งที่ได้รับเชิญไปงานแต่งงานแต่ไม่สะดวกไปร่วมงาน แนะนำให้แสดงความยินดีผ่านทางโทรศัพท์หรือโซเชียลมีเดีย แล้วใช้วิธีการฝากซองงานแต่งไปกับเพื่อนคนอื่นๆ ในกรณีนี้คุณสามารถลดจำนวนเงินใส่ซองลงได้ และยังไม่ดูน่าเกลียดจนเกินไป
7. ให้ของขวัญแทนการใส่ซอง
อีกหนึ่งตัวเลือกของคนที่ไม่ได้ซองเพราะเจ้าภาพมาเชิญด้วยปากเปล่า หรือคิดไม่ออกจริงๆ ว่าจะใส่ซองเท่าไหร่ดี แนะนำให้เลือกซื้อเป็นของขวัญเพื่อมอบให้บ่าวสาว ควรเลือกสิ่งของที่มีราคาตามกำลังทรัพย์ที่มี และเป็นของที่บ่าวสาวสามารถนำไปใช้ได้จริง อาจเลือกเป็นของตกแต่งบ้าน ของใช้ในครัว ฯลฯ แบบนี้รับรองว่าบ่าวสาวต้องปลื้ม
การใส่ซองงานแต่งคงไม่สามารถกะเกณฑ์เป็นตัวเลขแน่นอนได้ เพราะแต่ละคนก็มีปัจจัยพื้นฐานที่ไม่เท่ากัน แต่ไม่ว่าจะใช้ปัจจัยไหนมาคำนวณตัวเลข ขอแนะนำว่าให้ดูรายได้ของตัวเองเป็นหลักใหญ่ หยิบเงินใส่ลงไปเท่าที่ไหว ไม่จำเป็นต้องหน้าใหญ่ใจโต เดี๋ยวจะหมุนเงินไม่ทันใช้เพราะใส่ซองไปเสียหมด! ส่วนใครที่มีเงินถุงเงินถัง อยากแสดงความรักและน้ำใจกับบ่าวสาว จะใส่เยอะจนซองหนาก็ไม่ว่ากัน แบบนี้บ่าวสาวชอบบบ!
เรื่องราวของการ์ดและซองแต่งงานยังมีอีกมากมายให้ได้อ่าน ทั้งเคล็ดลับการเตรียมซอง และการสั่งการ์ดสำหรับบ่าวสาว ตามไปอ่านกันได้เลย
- เตรียมซองในพิธีแต่งงานให้ใคร ใส่เงินเท่าไหร่ เรามีคำตอบ
- เปลี่ยนเงินใส่ซองมามอบ 7 ของขวัญแห่งความโชคดีให้บ่าวสาวกันเถอะ
ภาพจาก : unsplash.com, pexels.com