ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวที่กำลังหา สถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้ง อยู่ แต่ไม่อยากเดินทางไกลจากกรุงเทพมหานครมากนัก มาดูกันดีกว่าว่ามีที่ใดบ้าง เพราะ แพรว wedding ได้รวม สถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้ง สวยปัง ระยะทางไม่เกิน 200 กิโลเมตรจากกรุงเทพฯ มาแนะนำในกับบ่าวสาวได้ตามไปเช็กอินกัน อย่ารอช้า เช็คตารางวันว่าง บอกช่างภาพ แล้วออกไปถ่ายภาพกันดีกว่าค่ะ
1. เกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี
เกาะสีชัง นับว่าเป็นหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากทั้งคนในประเทศไทยและชาวต่างชาติ เพราะระยะทางไม่ห่างไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก ไม่ว่าจะเดินทางไปกลับ หรือไปนอนค้างคืนก็ได้หมด และที่สำคัญยังมีวิวสวยๆ น้ำทะเลสีครามสดใส เป็นสถานที่สุดโรแมนติกให้บ่าวสาวสามารถไปถ่ายภาพพรีเวดดิ้งฟินๆ กันได้ด้วยค่ะ นอกจากนี้ยังมีศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ตั้งอยู่บนเกาะให้บ่าวสาวได้ไปกราบไหว้สักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลได้อีกด้วยนะจ๊ะ ส่วนบ่าวสาวที่อยากตามไปเช็กอินก็สามารถเข้าไปถ่ายได้เลย ไม่ต้องทำหนังสือขออนุญาต แต่ช่วยร่วมมือกันดูแลรักษาความสะอาด และทำตัวให้เหมาะสมกันน้า
2. เดอะเวโรน่า แอท ทับลาน จังหวัดปราจีนบุรี
เป็นสถานที่ที่เพิ่งเปิดเมื่อไม่กี่ปีมานี้ ตั้งอยู่ในจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งมีทั้งสถานที่ท่องเที่ยว โรงแรม และแหล่งช้อปปิ้ง โดย เดอะเวโรน่า ได้แรงบรรดาลใจมาจาก เมืองเวโรน่า แห่งแคว้นเวเนโต้ ประเทศอิตาลี หรือเมืองที่โรมีโอ & จูเลียตอาศัยอยู่นั่นเอง ภายในมีการตกแต่งที่สวยงาม ไม่ว่าจะเป็นหอคอย ทะเลสาบ หอระฆัง นอกจากนี้ยังมีเรือกอนโนล่า ให้บ่าวสาวได้นั่งถ่ายภาพเก๋ๆ ได้อีกด้วยนะจ๊ะ แต่ขอกระซิบบอกเลยว่า ถ้าไปช่วงฤดูหนาวจะฟินสุดๆ เพราะอากาศดีมากกกกกก ส่วนบ่าวสาวที่สนใจอยากไปถ่ายภาพชิคๆ ก็สามารถติดต่อกับสำนักงานเวโรน่าก่อนเข้าไปถ่ายทำนะคะ เพราะที่นี่ต้องเสียค่าบำรุงสถานที่ในการถ่ายทำด้วย
3. เกาะแสมสาร จังหวัดชลบุรี
อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ และเป็นเกาะที่อยู่ในความดูแลของกองทัพเรือ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรีนั่นเองค่ะ ถ้าใครเคยไปมาแล้วจะรู้เลยว่าชายหาด และน้ำทะเลสะอาดมากๆ แถมยังมีปะการังสวยๆ ให้ดูอีกด้วยนะ เรียกได้ว่างานนี้นอกจากบ่าวสาวจะได้ถ่ายภาพริมทะเลแบบสวยๆ แล้ว ยังสามารถฟินกันต่อได้กับทริปดำน้ำอีกด้วย ถือว่าคุ้มสุดๆ เพราะได้ทั้งภาพพรีเวดดิ้งแถมยังได้เที่ยวพักผ่อนไปในตัว และถ้าไปในหน้าร้อนก็อาจจะหาโอกาสเล่นน้ำดับร้อนไปซะเลย แต่ก่อนที่บ่าวสาวจะเข้าไปใช้สถานที่ในการถ่ายภาพนั้น ต้องทำหนังสือขออนุญาตกับทางกองทัพเรือก่อนน้า
4. อุทยานแห่งชาติ เขื่อนศรีนครินทร์ จังหวัดกาญจนบุรี
เป็นอุทยานแห่งชาติที่บอกเลยว่าไปแล้วคุ้มสุดๆ เพราะอะไรหน่ะเหรอคะ ก็เพราะว่ามีทั้งป่าเขาที่เขียวขจีและน้ำตกห้วยแม่ขมิ้นที่บ่าวสาวไปแล้วจะได้ความสดชื่นและความสนุกกลับมาแน่นอน แถมอากาศก็ไม่ร้อน แต่กลับเย็นสบาย หรือถ้าบ่าวสาวคู่ไหนร้อนจะลองลงไปถ่ายในน้ำตกเพื่อดับร้อนก็ดูเย็นฉ่ำได้ภาพเก๋ๆ ไปอีก แต่ก่อนไปลองเช็คดูก่อนนะคะว่าน้ำตกแห้งไหม เพราะช่วงถ่ายภาพน้ำตกที่ดีที่สุดคือช่วงหลังฤดูฝน (เดือนพฤศจิกายน-มกราคม) … แถมถ้างานนี้บ่าวสาวเช็กเวลาดีๆ ทำการบ้านไปเยอะๆ อาจจะได้ภาพถ่ายกับทางช้างเผือกสวยๆ กลับมาก็ได้นะ และยังถ่ายได้ทั้งกลางวัน และกลางคืนอีกด้วย นอกจากนี้ขากลับยังสามารถแวะเที่ยวในตัวเมืองกาญจนบุรีได้อีก เอาเป็นว่าบ่าวสาวคู่ไหนที่สนใจก็เตรียมทำจดหมายขออนุญาตกับทางกรมอุทยานแห่งชาติก่อนเข้าไปถ่ายภาพได้เลยค่ะ
5. สวนหลวง ร.9 กรุงเทพมหานคร
สวนหลวง ร.9 เรียกได้ว่าเป็นสวนสาธารณะและสวนพฤกษศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในสกรุงเทพมหานคร (อู้ว!!) แถมยังเดินทางไม่ไกลเลย เพราะอยู่ในเขตประเวศ หรือทิศตะวันออกของกรุงเทพนั่นเองค่ะ ภายในมีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม บวกกับความงามของเหล่าพฤกษานานาพันธุ์ให้เลือกถ่ายรูปกันได้ไม่มีเบื่อ แต่ถึงจะอยู่ใกล้ก็ไม่ใช่ว่าจะเดินดุ่มๆ เข้าไปถ่ายได้เลยนะจ๊ะ เพราะบ่าวสาวจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมกันก่อน เนื่องจากสวนหลวง ร.9 คิดค่าถ่ายภาพพรีเวดดิ้งตามจำนวนชุดที่บ่าวสาวเปลี่ยน คือ 1,000 บาทต่อ 1 ชุดนะคะ
6. สถานีรถไฟ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ใครแวะไปถ่ายภาพพรีเวดดิ้งตามรอยออเจ้ากัน ก็อย่าลืมแวะไปสถานีรถไฟ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กันนะ เพราะอยู่ในตัวเมืองอยุธยา เดินทางง่าย และไม่เสียค่าสถานที่ แต่เวลาถ่ายก็ระวังรถไฟกันหน่อยน้าาาา
ถ้าบ่าวสาวอยากมีภาพพรีเวดดิ้งสวยๆ งานนี้ไม่ต้องไปไกลก็ได้ภาพสวยปัง และยังได้เที่ยวอีกด้วยนะ อย่ารอช้า รีบหาวันแล้วออกไปถ่ายภาพพรีเวดดิ้งดีกว่า … แต่ถ้าบ่าวสาวยังไม่อยากเดินทางไปไหนเลย ด้วยอากาศที่ร้อนระอุขนาดนี้ จะเปลี่ยนมาถ่ายภาพในกรุงเทพฯ ก็ได้ เพราะสวยไม่แพ้กันเลยกับ 6 จุดสถานที่ถ่ายภาพพรีเวดดิ้งแนวสตรีทสุดชิคในกทม.
ภาพจาก : Club Art Studio