ใครๆ ก็มี งานแต่งงาน ในใจทั้งนั้น แต่จะดีกว่าไหมหากงานแต่งในใจนั้นทำได้จริงและแฮปปี้ด้วย
แพรว wedding เก็บตกประสบการณ์กลั่นกรองเป็นคำแนะนำเพื่อให้คุณได้เตรียมตัวจัด งานแต่งงาน เพื่อให้เกิดข้อผิดพลาดอันไม่ควรให้น้อยที่สุด หรืออย่างน้อยให้ประทับใจเจ้าภาพและแขกเหรื่อมากที่สุด ทำตามนี้รับรองแฮปปี้แน่นอน
ทำโซนนิ่งถ่ายรูป
ถ้าไม่อยากให้แขกมาออกันหน้าฉากถ่ายรูปจนเหมือนจลาจลย่อยๆ ซึ่งจะทำให้ช่างภาพทำงานลำบาก แขกจะเดินเข้าออกห้องจัดเลี้ยงก็ยากเย็น ทำอย่างไรดีให้ช่างภาพหน้าแบ็กดร็อปทำงานง่ายและได้ภาพที่สวยงาม บ่าวสาวอาจทำโซนนิ่งด้วยการกั้นเชือกรอบแบ็กดร็อปและพื้นที่ทำงานของช่างภาพ ร่วมทั้งเจ้าภาพควรหาคนมาจัดคิว 1-2 คน คอยจัดระเบียบให้แขกเข้าแถวและเชิญแขกเข้าออกถ่ายรูปคู่กับบ่าวสาว
ระหว่างบ่าวสาวตัดเค้กก็เช่นกัน แขกเหรื่อมักชูโทรศัพท์ถ่ายรูปกันสลอนอยู่รอบๆ คุณอาจคิดว่าไม่เป็นไร แต่ภาพที่ช่างภาพถ่ายติดในรูปมาเพียบคือ มือ หัวดำๆ แขน สมาร์ทโฟน ไปจนถึงอวัยวะต่างๆ ของแขกเหรื่อ จึงเป็นเหตุให้ช่างภาพหลายๆ คนในหลายๆ งานต้องขึ้นไปอยู่บนเวทีหรือบนซุ้มเค้กร่วมกับบ่าวสาวด้วย ซึ่งจริงๆ แล้วช่างภาพควรจะเป็นเหมือนเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่งในงาน คือกลืนไปกับสภาพแวดล้อม ไม่เด่นเด้ง ไม่ใช่เห็นชายสูทดำวูบไปวูบมารอบตัวบ่าวสาวทั้งงาน จึงควรขยายพื้นที่รอบซุ้มเค้กออกไปประมาณ 2 เมตร จะช่วยกันแขกออกไปให้ห่างตัวบ่าวสาวและทำให้ช่างภาพทำงานสะดวกขึ้น ภาพในงานก็จะไม่ดูเป็นจราจล ภาพถ่ายเก็บไว้ดูก็จะไม่เห็นมือ แขน ขา โทรศัพท์ และชายสูทดำติดมาในรูปให้ต้องรีทัชออก
ได้ดูรูปพรีเวดดิ้งกันบ้างไหม
จากประสบการณ์ที่ได้คุยกับเจ้าสาวรุ่นพี่ หลายคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวว่ารูปแต่งงานที่คุณจะหยิบมาดูบ่อยที่สุดคือ ช่วงเวลาแต่งงาน ไม่ใช่ก่อนแต่ง โดยเฉพาะรูปพรีเวดดิ้งประเภทใส่ชุดแต่งงานเอาหน้าแนบกัน หอมหน้าผาก ตระกองกอด แล้วพริ้นต์ไซส์ใหญ่ยักษ์เอาไปตั้งไว้ในงานแต่ง จากนั้นคุณจะนึกเสียดาย เลยยกกลับมาตั้งไว้ที่บ้าน นั่นแหละตัวดี คุณจะผงะทุกครั้งที่เห็นรูปตัวเอง เพราะมันดูไม่ใช่ตัวคุณในชีวิตประจำวันอย่างแรง ผิดกับรูปขณะแต่งงานสไตล์แคนดิด นั่นละคือรูปที่จะพาคุณย้อนกลับไปสู่วันแห่งความทรงจำได้ดีกว่า
ถ้าคุณยังยืนกรานจะถ่ายรูปพรีเวดดิ้ง บรรดาเซเลบคนดังฮิตมากที่จะถ่ายเป็นภาพพอร์เทรต อาจเป็นรูปขาว-ดำ เก๋ๆ นิ่งๆ แต่ทำให้ทุกครั้งที่เห็น คุณจะไม่ผงะและรู้สึกว่าครั้งหนึ่งฉันสวยจริง รักกันจริง ไม่ได้แอ็คท่ารักกันแบบฝืดๆ
ทำไมค่าตัวช่างภาพดีๆ ถึงแพง!!
ช่างภาพ เป็นสิ่งที่ควรลงทุน เพราะภาพดีๆ จะเก็บไว้ได้ตลอดไป คำถามต่อมาคือให้เพื่อนที่เป็นช่างภาพช่วยถ่ายได้ไหม ช่างภาพแต่ละแขนงก็ถนัดกันคนละด้าน ช่างภาพงานแต่งจะรู้ลำดับพิธีการต่างๆ เป็นอย่างดี รู้มุมว่าจะต้องวิ่งไปดักตรงไหน เวลาใด และยังเป็นช่างภาพที่ฝึกฝนทักษะการมองเห็นและเก็บภาพช่วงเวลาในเสี้ยววินาทีมาดีพร้อม เพราะคุณไม่สามารถย้อนกลับไปทำเหตุการณ์นั้นๆ ได้อีกแล้วในการแต่งงาน มันจึงเป็นภาพประทับใจ ด้วยเหตุนี้ถ้าเพื่อนคุณมีทักษะเช่นนี้ก็นับว่าเข้าทาง อีกคำถามโลกแตกคือ ค่าตัวช่างภาพทำไมถึงได้แพงงงงงจังงงงงงเลยยยยย!! ในที่นี้หมายถึงช่างภาพดีๆ เก่งๆ ทำงานแบบมืออาชีพ หรือคนที่คุณเห็นผลงานของเขาแล้วจี๊ดใจ อยากจ้างแต่อาจจะติดที่ตัวเลขศูนย์หลายหลักไปหน่อย
ซึ่งค่าตัวช่างภาพนั้นก็สามารถแจกแจงออกมาเป็นค่าต่างๆ ได้ดังนี้ ค่าเช่ากล้อง, ค่าเลนส์, ค่าไฟ (ไฟน้ำหรือไฟแฟลช), ผู้ช่วยช่างภาพ (ช่างภาพบางคนก็ต้องการ), ค่าตัวช่างภาพเอง, ค่าวิชาชีพ (ซึ่งคนส่วนมากมักไม่ค่อยคำนึงถึง), รวมถึงค่าคอนเน็กชั่นที่คนส่วนใหญ่ไม่ทันได้คิดถึงในแง่มูลค่า เช่น การที่ช่างภาพได้อุปกรณ์ สถานที่ หรือทีมงานคุณภาพมาถ่ายรูปให้คุณ ไม่ใช่ว่าใครมีเงินก็ทำได้เสมอไป บางครั้งมาจากคอนเน็กชั่นที่ช่างภาพสั่งสมมา ซึ่งคุณต้องให้เครดิตเขาในส่วนนี้ด้วย
ต่อมาเป็นเรื่องการจ่ายเงิน ซึ่งแล้วแต่ข้อตกลง แต่โดยทั่วไปถ้าเป็นช่างภาพที่มาโดยคอนเน็กชั่น คือมีคนรู้จักที่ไว้ใจได้แนะนรำมาให้และคุณก็รู้สึกไว้ใจเขาด้วย ก็จ่ายเงินรวดเดียวหลังทำงานเสร็จ เช่น จ้างมาถ่ายรูปงานแต่งงาน จ่ายเงินให้หลังงานเลิก ไม่ใช่ตอนรับรูป แต่ถ้าคุณอยากเพลย์เซฟ อาจจะจ่ายมัดจำไว้ก่อน แล้วจ่ายเป็นงวด งวดละกี่เปอร์เซ็นต์ตามแต่ตกลง ซึ่งจะไปสิ้นสุดงวดสุดท้ายเมื่อได้รับไฟล์ภาพ
ส่วนระยะเวลาการรับภาพ มักอยู่ที่ 1 เดือนหลังงานแต่ง คุณอาจะคิดว่าทำไมถึงช้าจัง ถ่ายกล้องดิจิตังต้องทำอะไรนักหนา ช่างภาพต้องเลือกรูป (จากที่ถ่ายมาหลายพัน) ปรับสี และแปลงไฟล์ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 10 นาทีต่อรูป ไม่รีทัชให้ อันนั้นเป็นอีกราคา คุณจะได้รับไฟล์นามสกุล jpeg โดยเฉลี่ยมักอยู่ที่ 1,000 รูปขึ้นไป แต่ถ้าอยากได้รูปเร็วๆ จริงๆ ช่างภาพบอกว่าวันเดียวก็ทำให้ได้ แต่เหมือนฆ่าตัวตายชัดๆ เพราะงานไม่ละเอียดและเสียสุขภาพคนทำงานนะจ๊ะ เพราะฉะนั้นอย่าเร่งเลยถ้าอยากได้งานดี
ช่วงเวลาชมพรีเซ็นเทชั่น
ความของพรีเซ็นเทชั่นที่เหมาะคือชั่วระยะเวลา 1 เพลงหรือไม่เกิน 5 นาที นานกว่านี้สมาธิของแขกจะแตกซ่านและเริ่มหันไปคุยกันเอง ถ่ายรูป อัพไอจี เดินตักอาหาร ฯลฯ ทำให้ไปๆ มาๆ เสียงคุยอาจจะดังกลบเสียงจากวิอีโอพรีเซ็นเทชั่นไปเสียดื้อ เรื่องราวในวิดีโอก็มีส่วนช่วยตรึงความสนใจของแขกเหรื่อ อาจจะมากกว่าการนำภาพตั้งแต่วันเด็กจนถึงวันหมั้นมาเรียงร้อย หรือเป็นฟีลอารมณ์เดินเล่นจูงมือกันไปมาตามท้องทุ่ง รีสอร์ตสวย จะทำให้แขกมึนว่าต้องการจะสื่ออะไร เพราะฉะนั้นการสร้างเรื่องราวและเพิ่มกลิ่นอายความสนุกเข้าไปก็ช่วยดึงความสนใจจากแขกได้เป็นอย่างดี เช่น หนังสั้น หรือการลุกขึ้นมาทำอะไรที่คุณไม่เคยทำมาก่อน แต่ถ้าอยากให้แขกได้อินก็อาจจนำคลิปที่คุณขอเจ้าสาวแต่งงานมารีรันซ้ำอีกครั้งเพื่อเพิ่มความโรแมนติกก็ได้นะ
ย้อมไฟสไตล์อวตาร
สำหรับงานที่ย้อมไฟห้องหลากสี อาจเป็นออปชั่นที่ดูหวือหวาคุ้มค่าที่โรงแรมแถมมากับแพ็คเก็จ ประมาณว่าย้อมไฟห้องได้ 120 สี เปลี่ยนสีไฟได้ทุก 15 วินาที คุณจงปฏิเสธไปซะ ไม่อย่างนั้นรูปถ่ายงานเดียวกันแต่ละช่วงเวลาสีจะไม่เหมือนกันเลยสักรูป ตอนเปิดตัวบ่าวสาวเข้าห้องเป็นสีฟ้า พอตัดเค้กเป็นสีชมพู โยนดอกไม้เป็นสีม่วง อาฟเตอร์ปาร์ตี้เป็นสีเขียว สรุปว่าทุกคนในงานตัวเป็นสีฟ้า นี่มันเป็นธีมงานหนังอวตารเหรอ!! ทางออกคือ ถ้าอยากย้อมไฟในห้องนั้นย่อมทำไม แต่อย่าปนกันมั่วจนเละเทะ และถ้าจะเปลี่ยนสีให้เลือกโทนสีใกล้ๆ กัน เช่น ฟ้า นำเงิน เขีย แดง ชมพู ส้ม และให้จัดไฟดวงที่ฉายไปยังบ่าวสาวเป็นไฟสีขาวธรรมดา ดวงอื่นจะเป็นสีไหนก็เลือกได้ตามสบาย เพื่อที่ภาพออกมาคุณจะได้ดูเป็นมนุษย์ปกติ และช่างภาพสามารถปรับไฟล์เป็นสีผิวเนื้อได้ง่าย ไม่ออกมาเป็นสีช้ำเลือดช้ำหนอง แถมชุดแต่งงานสีขาวที่อุดส่าห์เลือกแบบมาอย่างดีดันเปลี่ยนเป็นสีอื่นจนพังเละไม่เป็นท่าก็คงไม่ดีหรอก จริงไหมคะ??
>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานและดูไอเดียงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย <<
ภาพ stocksnap.io, thriftymommaramblings.com