รับได้ไหมเมื่อสามีเป็นเกย์ แล้วภรรยาอย่างเราควรอยู่ต่อหรือโบกมือลา

ถ้าคุณต้องเลือกระหว่างการประกาศตัวอย่างชัดเจนจากสามีสุดที่รักของคุณว่า “ผมเป็นเกย์” กับการค้นพบด้วยตัวคุณเองว่า “ สามีเป็นเกย์ ” คุณจะเลือกแบบไหน

แน่นอนว่าก่อนที่คุณจะตั้งสติได้คงต้องผ่านกระบวนการคิดและความรู้สึกสุดสับสนมากมาย จากนั้นอาจตามมาด้วยความโกรธแถมพ่วงความแค้นลงไปอีก ซึ่งความจริงในใจของเกย์หลายคนนั้นก็กลัวคนรอบข้างจะรู้ความจริง ทั้งที่ใจนั้นอยากจะเปิดปากบอกทุกคนออกไป จึงเป็นหน้าที่ของคุณที่จะสืบให้แน่ใจตั้งแต่ก่อนตัดสินใจเข้าพิธีวิวาห์กับเขาว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นเกย์หรือไม่

สิ่งที่ควรทำอย่างยิ่งก่อนที่จะโกรธแค้นคือ พูดคุยกับเขาให้ชัดเจนว่า เขารู้ตัวมาก่อนหรือไม่ว่าเป็นเกย์ก่อนที่จะตัดสินใจแค้นเขาแบบฝังลึก แต่กับบางคนแม้จะสืบจนแน่ใจแล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องจริงก็ยังคงไม่ยอมรับ กลับโทษตัวเองว่าที่ผ่านมาทำตัวไม่ดี ไม่ดูแลจนเขาต้องเปลี่ยนไปจึงพยายามต่อรองเพื่อให้เขากลับไปเป็นเหมือนเดิมให้ได้ โดยลืมไปว่าการเป็นเกย์ไม่ใช่โรคติดต่อที่จะพาไปพบแพทย์เพื่อเยียวยารักษาได้

ดังนั้น เมื่อไม่สำเร็จ คุณก็จะตกอยู่ในห้วงความเศร้าเป็นปีๆ แม้เขาจะพยายามอธิบายด้วยความรู้สึกผิดมากเพียงใดก็ไม่สามารถทำให้คุณเปลี่ยนความรู้สึกเศร้าในใจได้

ลองมาดูมีคำแนะนำจาก แพทย์หญิงสุกฤตา พิบูลภาณุวัธน  แพทย์จิตเวชศาสตร์ คลีนิคกู้ใจ โรงพยาบาลตากสิน กันสักนิด ก่อนจะตัดสินใจอยู่หรือไปกับคนข้างกาย

เรียนรู้ตัวเอง : ทั้งคุณและเขาควรที่จะค่อยๆ เรียนรู้อารมณ์ ความคิด และความรู้สึก  จงตั้งสติโดยใช้เหตุผลคิดไตร่ตรองปัญหาที่เกิดขึ้น  เพื่อรวบรวมเหตุผลที่จะช่วยให้ตัดสินใจได้ว่าจะเลิกหรืออยู่ต่อ

คุยหาข้อสรุป : คุณและเขาควรหันหน้าเข้าหากันเพื่อเปิดใจรับรู้ถึงความรู้สึกและความต้องการที่แท้จริงของกันและกัน เพื่อหาข้อสรุปที่เป็นไปได้และรับได้ของทั้งสองฝ่ายในการดำเนินชีวิตบนความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่คุณมีลูกด้วยกันแล้ว การพูดคุยนั้นควรหาข้อสรุปเผื่อลูกของคุณด้วย

อยู่กับปัจจุบัน : พยายามเตือนตัวเองให้อยู่กับปัจจุบันให้ได้มากที่สุด จงยอมรับว่า สิ่งนั้นได้เกิดขึ้นและมีข้อสรุปที่ตกลงกันแล้ว คุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ อย่ามองกลับหลังคิดแต่สิ่งที่เป็นอดีต เพราะไม่ว่าจะทำให้คุณรู้สึกแย่ลง ขอให้พยายามยอมรับและมุ่งหน้าที่จะก้าวเดินต่อไป

เยียวยาด้วยตนเอง : นึกถึงความภูมิใจที่ตัวเองมีอยู่ และเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเองอีกครั้งเพราะแม้คุณจะสูญเสียครอบครัวในฝันไป แต่คุณยังมีหน้าที่การงานและเพื่อนที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณมีลูกที่น่ารักและครอบครัวของคุณเองที่มีทั้งพ่อแม่และญาติพี่น้องผู้พร้อมจะมอบความรักให้คุณเสมอ

หาตัวช่วย : อย่าจมอยู่กับตัวเองควรออกไปพบเจอและร่วมกิจกรรมกับเพื่อนพูดคุยกับคนไว้ใจหรือปรึกษาหมอเพื่อระบายความทุกข์ของตนเองออกไป บางคนใช้หลักศาสนาเข้าช่วยโดยฝึกนั่งสมาธิเพื่อหาความสงบให้จิตใจ

สุดท้ายนี้ เราขอบอกว่า แม้จะรู้สึกโกรธสามีมากเพียงใด ก็อย่านำความโกรธนั้นถ่ายทอดมาสู่ลูก ขอให้คิดเสมอว่าความเป็นสามีนั้นเลิกได้แต่ความเป็นพ่อของลูกนั้นเลิกไม่ได้ จงปล่อยให้ลูกได้สังเกตและเรียนรู้ด้วยตนเองไปก่อน เมื่อถึงวันที่ต้องอธิบายในสิ่งที่เกิดขึ้นขอให้คุณเช็คความคิดความเข้าใจของเขาแล้วจึงอธิบายตามสถานการณ์ที่ควรดำเนินไป

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับความรัก ความสัมพันธ์ และการใช้ชีวิตคู่เพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย <<

Recommended