เคล็ดลับได้ชุดแต่งงานในฝันดีต่อใจแบบไม่ต้องเสียใจภายหลัง

เชื่อได้ว่าไม่ว่าเจ้าสาวคนไหนหากลองได้นั่งคิดเรื่อง ชุดแต่งงาน ก็คงเพ้อฝันไปไกลไม่หยุดหย่อน ยิ่งถ้าหากได้ลองเดินเข้าไปเลือกชุดแต่งงานในร้านที่มีชุดแต่งงานหลากแบบหลายสไตล์แขวนไว้เป็นราวยาวพร้อมให้เลือกด้วยแล้ว ความคิดก็อาจจะฟุ้งกระจายมากขึ้นไปอีก แพรว wedding เลยนำเคล็ดลับการเลือกชุดแต่งงานในฝันให้ได้ดั่งใจแบบไม่ต้องมาเสียใจภายหลังมาฝาก

1. ตั้งงบประมาณก่อนเดินเข้าร้านชุด

ตั้งงบประมาณสำหรับชุดแต่งงานไว้ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ของงบประมาณค่าใช้จ่ายทั้งหมด แต่ก็ต้องดูด้วยว่าเจ้าสาวให้ความสำคัญกับความเป็นแฟชั่นในชุดแต่งงานมากน้อยแค่ไหน หากให้ความสำคัญกับชุดมากกว่าดอกไม้ การตกแต่ง หรือเรื่องอื่นๆ ในงานแต่งงาน ถ้าเป็นอย่างนั้นเจ้าสาวอาจจะต้องเจียดเงินจากส่วนนี้เพื่อไปลงกับค่าชุดแต่งงานแทน เพราะฉะนั้นต้องชั่งน้ำหนักและคิดให้ดีๆ นะคะว่าอยากจะให้น้ำหนักเรื่องไหนมากกว่ากัน และการมีงบไว้ในใจก่อนไปเลือกชุดก็ช่วยให้เจ้าสาวไปถึงจุดหมายได้แบบไม่ต้องเสียเวลาลองชุดที่เกินกว่างบที่ตั้งไว้ รับรองว่าได้ชุดแต่งงานในฝันที่ไม่เกินงบแน่นอน

2. เริ่มให้เร็วย่อมได้เปรียบ

ควรเริ่มดำเนินการเรื่องชุดแต่งงานล่วงหน้าก่อนถึงวันงานประมาณ 6-12 เดือน เพราะการออกแบบ ลงมือทำ หรือการปรับปรุงแก้ไขนั้นอาจจะต้องใช้เวลาประมาณ 4-5 เดือน เนื่องจากทางร้านไม่ได้มีคุณเป็นลูกค้าแค่คนเดียว และยังต้องมีเวลาสำหรับการฟิตติ้งอีกอย่างน้อย 3 ครั้งซึ่งใช้เวลาอีกประมาณหนึ่งเดือน เพื่อให้ชุดแต่งงานนั้นเป๊ะพอดีกับรูปร่างของเจ้าสาวมากที่สุด เพราะฉะนั้นการวางตารางเวลาให้ดีและรอบคอบจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะนอกจากที่จะได้ชุดแต่งงานที่ตรงใจแล้ว ยังไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเพื่อเร่งชุดให้เสร็จทันวันแต่งงานอีกด้วย

3. ทำการบ้านเรื่องแบบชุดแต่งงานก่อน

ก่อนที่จะไปร้านชุดแต่งงาน เจ้าสาวจะต้องคิดก่อนว่าคุณอยากได้ชุดประมาณไหน เพราะฉะนั้นการเตรียมภาพชุดแต่งงานที่อยากได้ไปให้ร้านหรือดีไซเนอร์ดูด้วยจึงเป็นเรื่องสำคัญ รวมไปถึงรายละเอียดในเรื่องอื่นๆ เช่น เนื้อผ้า การประดับตกแต่ง หรือกิมมิกที่เป็นซิกเนเจอร์ของเจ้าสาวที่อยากจะใส่ลงไปในชุด เพราะดีไซเนอร์หรือร้านจะได้รู้ว่าคุณกำลังมองหาอะไร และสไตล์ของคุณเป็นแบบไหนเพื่อที่จะได้นำเสนอหรือให้คำปรึกษากับเจ้าสาวได้อย่างถูกต้องและไปในทางเดียวกัน

ชุดแต่งงาน

4. นัดหมายร้านไว้ล่วงหน้าจะได้ไม่พลาด

เมื่อคุณมีไอเดียเรื่องชุดแต่งงานที่อยากได้แล้ว ลำดับต่อไปคือการนัดหมายกับร้านชุดหรือดีไซเนอร์ ซึ่งต้องนัดหมายกันไว้ล่วงหน้าก่อนที่จะเข้าไปเพื่อลดความเซอร์ไพร้ซ์ว่าไปแล้วร้านปิด ดีไซเนอร์ไม่อยู่ หรือติดบ่าวสาวคู่อื่นที่เข้าไปขอคำปรึกษาเหมือนกัน แต่ถ้าหากอยากจะวอร์คอินเข้าไป แนะนำให้เลือกไปวันธรรมดาในช่วงบ่ายจะดีที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงว่าที่บ่าวสาวคู่อื่นๆ ที่อาจจะเดินทางเข้ามาในวันหยุด แล้วอย่าลืมบอกร้านหรือดีไซเนอร์ถึงงบประมาณที่วางไว้ด้วยเพื่อที่ทางร้านจะได้ให้คำปรึกษาและออกแบบได้ตรงตามกับงบที่มีบนพื้นฐานในสิ่งที่เจ้าสาวต้องการ

5. จำกัดเพื่อนที่จะไปร่วมตัดสินใจ

ในชีวิตประจำวันคุณอาจจะสนุกที่ได้ไปช้อปปิ้งเป็นแพ็คคู่กับคุณแม่ หรือไปเป็นก๊วนกับแก๊งเพื่อนสาว แต่สำหรับชุดแต่งงานแล้วเจ้าสาวจะทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะชุดเจ้าสาวเป็นชุดที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ และต้องเป็นชุดที่แสดงถึงตัวตนของเจ้าสาวได้มากที่สุด เพราะฉะนั้นทริปสำคัญนี้เจ้าสาวควรเลือกบุคคลที่รู้จักตัวตนจริงๆ ของคุณไปด้วยแค่ 1-2 คน และคนๆ นั้นต้องเป็นคนที่เจ้าสาวไว้ใจและสามารถให้คำปรึกษากับเจ้าสาวได้ แต่ถ้าคุณกลัวคนที่เหลือจะน้อยใจก็ให้ชักชวนกันไปในวันที่คุณฟิตติ้งเป็นครั้งสุดท้ายก็ถือเป็นทริปที่สร้างเซอร์ไพรส์และประทับใจไม่น้อย

6. แต่งสวยพอประมาณไปเลือกชุดแต่งงาน

ในวันแต่งงานไม่ใช่ว่าคุณจะใส่ชุดเจ้าสาวแสนสวยแล้วเดินเข้างานได้เลยซะเมื่อไหร่ แต่ความสวยทั้งหมดทั้งมวลนั้นต้องประกอบไปด้วยความงามบนใบหน้า ทรงผม และเครื่องประดับต่างๆ ที่เจ้าสาวอยากจะสวมใส่ในวันสำคัญ เพราะฉะนั้นในวันที่ไปเลือกชุดแนะนำให้เจ้าสาวลองแต่งหน้าไปพอประมาณและทำผมไปสักหน่อย เพราะบางครั้งการที่เจ้าสาวหน้าสดผมฟูไปลองชุดก็อาจจะทำให้เจ้าสาวนึกภาพตัวเองในชุดนั้นไม่ออกจนอาจจะพลาดชุดเจ้าสาวดีๆ ไปแบบไม่รู้ตัว รวมไปถึงเครื่องประดับที่เจ้าสาวชอบอาจจะไม่เข้ากับชุดแต่งงานที่เลือกก็เป็นได้

7. ก้าวออกจากคอมฟอร์ตโซน

อย่าตัดสินใจเพียงแค่สายตามองเห็น บางครั้งชุดที่อยู่บนไม้แขวนที่สุดแสนจะธรรมดาแต่เมื่อลองสวมใส่แล้วกลับให้ลุคสวยงามอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะฉะนั้นลองเปิดตาและเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ ดูบ้าง เจ้าสาวบางคนอาจจะเข้ามาพร้อมกับความคิดที่ว่ายังไงก็จะไม่ใส่ชุดเกาะอกอย่างเด็ดขาด แต่เมื่อคุณได้ลองแล้วอาจจะเปลี่ยนความคิดนั้นของคุณไปเลยก็ได้ เพราะอย่าลืมว่าคุณไปเลือกและลองชุดโดยมีดีไซเนอร์หรือผู้เชี่ยวชาญที่คอยให้คำปรึกษาตลอดเวลา เพราะฉะนั้นเชื่อใจเถอะว่าเขาจะต้องคัดสรรสิ่งที่เข้ากับคุณได้มากที่สุดมาให้ พร้อมกับแก้ไขจุดบกพร่องที่เจ้าสาวไม่มั่นใจให้สวยแบบไร้ความกังวลใจแน่นอน

8. ลองถ่ายรูปในชุดแต่งงานในแต่ละมุม

หากทางร้านสามารถให้เจ้าสาวถ่ายรูปจากมือถือได้ก็ลุยเลยค่ะ เพราะบางครั้งการดูด้วยตาเปล่าผ่านกระจกเพียงอย่างเดียวก็อาจจะทำให้เจ้าสาวไม่ได้เห็นตัวเองในชุดนั้นผ่านมุมอื่นๆ หรือผ่านแสงและเงาจากการถ่ายรูป แต่หากทางร้านไม่อนุญาตอาจจะต้องใช้วิธีการจดให้ละเอียดสักหน่อยว่าต้องเพิ่มหรือลดดีเทลส่วนไหน ลดรายละเอียดที่ใดบ้าง เช่น ต้องเสริมช่วงหน้าอกให้เต็มกว่านี้ หรือช่วงบั้นท้ายไม่กระชับ เพื่อช่วยในการตัดสินใจก่อนที่จะไปเลือกชุดแต่งงานที่ตรงใจและพอดีกับรูปร่างต่อไป แถมยังช่วยให้เจ้าสาวมั่นใจได้ว่าไม่ว่าจะถ่ายจากมุมไหนก็สวยรอดทุกมุม

9. อ่านรายละเอียดการจองและรับชุดให้ละเอียด

หากคุณเกิดอาการพอใจชุดใดชุดหนึ่งขึ้นมา ทางร้านจะมีหนังสือการจองหรือจ่ายมัดจำมาให้ เพราะฉะนั้นขั้นตอนนี้ต้องใช้สมาธิและอ่านทำความเข้าใจให้ละเอียด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรูปแบบชุด เครื่องประดับที่มาพร้อมชุด (เช่น เข็มขัด ต่างหู สร้อย ฯลฯ) ชื่อ-นามสกุลผู้จอง, ค่าธรรมเนียม, ค่าปรับในกรณีชุดเสียหายหรือส่งคืนล่าช้า, เงื่อนไขการยกเลิกชุดแต่งงาน, ค่ามัดจำ ฯลฯ ก่อนที่คุณจะควักกระเป๋าจ่ายตังก้อนใหญ่

ชุดแต่งงาน

10. เคลื่อนไหวในทุกอิริยาบถในชุดแต่งงาน

อย่าลืมว่าในวันงานคุณไม่ได้แค่ยืนเฉยๆ หน้าแบ็กดร็อปอย่างเดียว แต่คุณต้องนั่ง เดิน หรือก้าวขึ้นบันได เพราะฉะนั้นคุณควรจะลองทำทุกอย่างในชุดแต่งงานในวันฟิตติ้ง เพื่อที่จะได้รู้ว่าชุดนั้นเหมาะกับการเคลื่อนไหวในอิริยาบถต่างๆ ของเจ้าสาวหรือไม่

11. เลือกร้านชุดที่ไม่ไกลจากที่พักมากจนเกินไป

บางครั้งเรื่องระยะทางก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะอย่าลืมว่าคุณไม่ได้ไปแค่วันเดียว แต่เจ้าสาวจะต้องไปฟิตติ้งอย่างน้อย 2-3 ครั้ง และหากต้องมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือเพิ่มเติมสิ่งใดทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องเกิดขึ้นที่ร้านเท่านั้น ซึ่งอาจจะใช้เวลาอีกหลายครั้งไม่รวมกับการฟิตติ้ง เพราะฉะนั้นต้องคิดดูดีๆ นะคะว่าคุ้มหรือไม่หากต้องใช้เวลาขับรถเป็นวันเพื่อไปทำภารกิจ

12. เลือกชุดชั้นในให้เข้ากับชุดแต่งงาน

ชุดชั้นในเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเสริมให้ชุดแต่งงานนั้นดูสวยยิ่งขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะช่วยเสริมอก เสริมสะโพก หรือเสริมบั้นท้าย เพราะฉะนั้นเราอยากให้เจ้าสาวลงทุกสักนิดแล้วเลือกซื้อชุดชั้นในชุดใหม่แล้วนำไปฟิตติ้งกับชุดแต่งงานเพื่อที่จะได้ดูว่าชุดชั้นในนั้นสอดรับและพอดีเข้ากับชุดแต่งงานของเจ้าสาวหรือไม่ เพื่อที่จะได้มองเห็นตัวเองในชุดแต่งงานได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ดูไอเดียเกี่ยวกับชุดแต่งงานเพิ่มเติม คลิกเลย!

Cr. www.marthastewartweddings.com, www.lowsbridal.com, www.pinterest.com

Recommended