เคล็ดลับการ เลือกชุดแต่งงาน ให้ตรงใจไม่เกินงบ จากกูรูร้านชุด Costume Cafe

ว่าที่เจ้าสาวที่มีแบบชุดแต่งงานที่อยากได้ แต่ก็แอบกังวลใจว่า เลือกแบบไหนให้เข้ากับรูปร่าง ดีเทลเยอะราคาจะแรงไหม แล้วเลือกแบบไหนที่ใส่แล้วไม่เชย ฯลฯ แพรว wedding ไม่อยากให้ว่าที่เจ้าสาวต้องเครียด เลยไปขอเคล็ดลับดีๆ จากคุณโป้ง เจ้าของร้านชุดแต่งงาน Costume Cafe ที่มาพร้อมคำแนะนำดีๆ ให้ว่าที่เจ้าสาวได้นำไป เลือกชุดแต่งงาน ได้อย่างตรงใจมาฝาก

เคล็ดลับในการเลือกชุดแต่งงาน

เจ้าสาวหลายคนมักมองจุดด้อยของตัวเองก่อน เช่น แขนใหญ่ หน้าอกเล็ก หุ่นตรงไม่มีสัดส่วน แต่จริงๆ แล้วการเลือกชุดแต่งงานให้เหมาะกับรูปร่างนั้น ต้องดูที่หัวไหล่ รูปหน้า และช่วงคอก่อนเป็นอันดับแรก

ถ้าไหล่ค่อนไปทางอวบอิ่ม แนะนำให้เลือกเป็นชุดเกาะอก หรือชุดที่โชว์หัวไหล่ไปเลย ห้ามเด็ดขาดสำหรับชุดคอเต่า หรือคอปิด เพราะจะทำให้ดูตัน แนะนำให้เลือกเป็นคอวี เพราะจะช่วยให้รูปร่างดูเพรียวขึ้น และเพิ่มความยาวให้กับช่วงคอได้ ส่วนระดับความลึกควรอยู่ที่ระดับชั้นใน แต่ถ้าลึกระดับแบบโนบรา แนะนำให้เสริมผ้าซีทรูตาข่ายบางๆ เพื่อช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับเจ้าสาวในวันงาน และการเลือกชุดแบบเปิดไหล่ยังช่วยให้แมตช์เครื่องประดับได้ง่าย ทำผมได้หลากหลาย จะปล่อยหรือรวบก็รอดหมด

สำหรับเจ้าสาวแขนใหญ่ บอกเลยว่ายิ่งปิดยิ่งเน้น แนะนำให้เลือกเป็นเกาะอกทรงหัวใจจะช่วยพรางสายตาได้ แต่ถ้าเจ้าสาวต้องการลุคทางการแบบชุดแต่งงานแขนยาว ต้องเลือกการตกแต่งช่วงแขนดีๆ เพื่อไม่เน้นให้แขนดูใหญ่มากขึ้นไปอีก

ส่วนทรงกระโปรง ถ้าเป็นทรงเมอร์เมดจะช่วยให้เจ้าสาวดูสูงโปร่ง เหมาะกับเจ้าสาวที่มีช่วงขาเรียวยาว แต่สำหรับเจ้าสาวไซส์มินิที่อยากใส่ทรงนี้ มีเทคนิคคือ ใส่รองเท้าส้นสูงที่เสริมด้านหน้า แต่ห้ามสูงเกินไหล่เจ้าบ่าวเพื่อความสวยงามเวลายืนคู่กัน

สำหรับกระโปรงทรงเอไลน์ และทรงบอลกาวน์ เหมาะสำหรับใส่ในงานแต่งที่มีสถานที่กว้างขวาง เพดานสูง เพราะจะช่วยให้เจ้าสาวดูเด่นเมื่อขึ้นไปยืนบนเวที และชายกระโปรงไม่ควรไปกองอยู่ที่พื้นเพราะจะทำให้ลำบากเวลาเดินเข้างาน

ส่วนสีชุดแนะนำให้เลือกเฉดสีแชมเปญ หรือสีนู้ดเพราะจะตัดกับลายลูกไม้ ทำให้ชุดแต่งงานดูน่าสนใจขึ้น แต่ถ้าเจ้าสาวต้องการชุดสไตล์มินิมอลเรียบเก๋ แนะนำให้เลือกเป็นสีออฟไวท์จะเหมาะกว่า

งบประมาณมีจำกัดจะเลือกชุดแต่งงานยังไงดี

ปัจจุบันชุดแต่งงานมีหลายราคาให้เจ้าสาวเลือก โดยเจ้าสาวสามารถแจ้งงบที่ตั้งไว้กับดีไซเนอร์หรือร้านชุด พร้อมบอกรูปแบบชุดที่ต้องการ รวมไปถึงแจ้งเรื่องพิธีการ จำนวนแขก และสถานที่จัดเลี้ยง เพื่อที่ร้านจะได้แนะนำชุดแต่งงานที่ตรงกับโจทย์และตรงกับงบที่เจ้าสาววางไว้ได้ง่ายขึ้น

จุดเด่นและข้อควรระวังหากเลือกชุดแต่งงานที่ปักเลื่อมเยอะๆ

การปักชุดด้วยเลื่อม คริสตัล หรือลูกไม้เยอะๆ จะช่วยให้ชุดดูหรูหราขึ้น เหมาะสำหรับงานที่มีแสงไฟหรืองานที่จัดในโรงแรม ซึ่งหากเป็นงานแต่งในสวนอาจเน้นลูกไม้แบบ 3 มิติเพื่อช่วยให้ชุดดูน่าสนใจ แต่อาจมีข้อต้องระวังคือ หากเจ้าสาวเลือกชุดแบบเรียบๆ และเลือกเสริมจุดเด่นที่บริเวณช่วงคอ ตัวเสื้อ หรือการปักทั้งตัว น้ำหนักของชุดจะเยอะมาก จึงเหมาะกับห้องจัดเลี้ยงที่ปูพรม แต่ข้อเสียของการเลือกชุดที่ปักเยอะทั้งตัวคือจะทำให้เจ้าสาวดูแก่เกินไป

ว่าที่เจ้าสาวควรเตรียมตัวก่อนไปเลือกชุดยังไงบ้าง

ว่าที่เจ้าสาวต้องเลือกทรงชุด และแบบคอเสื้อที่ชอบมาก่อนสักประมาณ 3 แบบ แล้วนำมาคุยกับทางร้าน ส่วนในวันฟิตติ้งควรแต่งกายที่สามารถวัดตัวได้ง่าย และสวมชุดชั้นในที่ปลดสายได้หรือแบบเกาะอกมา

ระยะเวลาในการมองหาชุดแต่งงาน

สำหรับเจ้าสาวที่แต่งงานช่วงต้นปีถึงกลางปีระยะเวลา 3-6 เดือนจะพอดีที่สุด ส่วนเจ้าสาวที่ได้ฤกษ์แต่งงานช่วงปลายปีที่เป็นไฮ ซีซั่น ควรรีบมาตั้งแต่เนิ่นๆ รู้วันแต่งแน่นอนแล้วอาจมาได้เลยก็ได้ เพื่อจะได้เห็นแบบชุดและวัสดุการตัดเย็บได้เยอะกว่า เนื่องจากช่วงปลายปีคิวร้านชุดแต่งงานเกือบทุกร้านจะแน่นมาก หากมาไวก็สามารถจองชุดที่ถูกใจไว้ได้ก่อน หรือหากไม่จองไว้ อย่างน้อยก็ได้สรุปแบบว่าชุดที่เหมาะกับเราจะต้องเป็นชุดแบบไหน

เทคนิคเลือกชุดแต่งงานไม่ให้เชย

อย่าเลือกชุดแต่งงานที่ล้ำสมัย หรือย้อนยุคมากเกินไป แนะนำให้ลองดูรูปแบบชุดจากแบรนด์เมืองนอกเป็นตัวอย่าง แล้วนำมาปรับให้เข้ากับสไตล์ของตัวเอง โดยนำแบบ และงบประมาณที่มีเข้ามาปรึกษาดีไซเนอร์หรือร้านชุด โดยเจ้าสาวอาจจะหาข้อมูลหรือตัวอย่างชุดของร้านที่สนใจเอาไว้ ว่ามีสไตล์ตรงตามที่เจ้าสาวชอบหรืออยากได้หรือไม่ และราคาอยู่ในงบที่วางไว้หรือเปล่า

ชุดแต่งงานสวยๆ จากร้าน Costume Cafe