ความรักมีหลายรูปแบบนะคะ รักที่สมหวัง ผิดหวัง มีให้เห็นอยู่ถมไป วันนี้แพรว Wedding ก็เลยนำ 10 ตำนานรัก หลากหลายอารมณ์ของบุคคลสำคัญในยุคต่างๆ ทั้งที่เป็นเรื่องจริงและเรื่องที่แต่งขึ้นมาให้คนที่หัวใจมีรักได้อ่านกันเพลินๆ ส่วนว่าอ่านแล้วจะอินแค่ไหน จะหวานชื่นหรือขมกลืนในอารมณ์ ลองตามไปดูกันเลยค่ะ
10. รักที่ก่อให้เกิดสงครามของเฮเลนและปารีสจะเป็นอย่างไรถ้าความรักของคนสองคนเกิดเป็นรักสามเศร้าขึ้นมาตามตำนานเทพเจ้ากรีกความรักระหว่างเฮเลนและปารีสเป็นชนวนที่ทำให้เกิดสงครามแห่งกรุงทรอยขึ้น
เรื่องราวของทั้งคู่เกิดขึ้นเมื่อปารีสเจ้าชายแห่งทรอยถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้ตัดสินว่าเทพีองค์ไหนสวยที่สุดในโลกระหว่างเทพีเฮร่า เทพีอาทีน่า และเทพีอโฟร์ไดท์ แต่เนื่องจากเทพีอโฟร์ไดท์ติดสินบนกับปารีสว่าเธอจะมอบหญิงที่งามที่สุดให้กับเขา ปารีสจึงตัดสินให้เทพีอโฟร์ไดท์ชนะแบบไม่มีความลังเล หลังจากนั้นเทพีอโฟร์ไดท์จึงชักนำให้เฮเลนมาพบปารีส ความหล่อเหลาประกอบกับความหนุ่มของปารีสทำให้เฮเลนตกหลุมรักโดยทันทีและถูกปารีสพากลับไปกรุงทรอย ความรักของทั้งคู่คงสมบูรณ์แบบและหวานชื่นหากเฮเลนนั้นยังไม่มีสามี หลังจากเมเนเลอัสเจ้าเมืองสปาร์ต้าสามีของเธอเดินทางกลับจากกรีกและทราบเรื่องราวของทั้งคู่จึงรู้สึกโกรธแค้นมาก เขาได้รวบรวมกองทัพไปตีเมืองทรอยเพื่อล้างแค้นและนำตัวเฮเลนกลับมา สงครามแห่งกรุงทรอยจึงได้เกิดขึ้นและยืดเยื้อเป็นเวลาถึง 10 ปี
9. เพลงรักกล่อมยมโลก ออร์ฟีอุสและยูริดีซี
ในตำนานกรีกโบราณ ออร์ฟีอุสเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องความสามารถในการบรรเลงดนตรีและขับร้องเพลงได้อย่างไพเราะจับใจ เขาได้รับการถ่ายทอดพรสวรรค์นี้จากมารดาของเขาและยังได้รับพิณวิเศษจากเทพอะพอลโล (เทพแห่งการดนตรี) ออร์ฟีอุสได้แต่งงานกับสาวงามนามว่ายูริดิซีและทั้งคู่ได้ใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุข
มีคำกล่าวว่าเวลาที่คนเรามีความสุขมักผ่านไปเร็วและสั้นยิ่งนัก ความรักของออร์ฟีอุสและยูริดิซีก็เช่นกัน เมื่อวันหนึ่งยูริดีซีถูกงูกัดตาย เหตุการณ์นี้สร้างความเสียใจให้กับออร์ฟีอุสเป็นอย่างมากเขาจึงได้เดินทางไปยมโลกและอ้อนวอนร้องขอชีวิตภรรยาของเขากับเทพฮาเดส (เทพเจ้าแห่งยมโลก) โดยการเล่นพิณ เมื่อฮาเดสได้ฟังก็ชื่นชอบยิ่งนักเพราะเสียงพิณช่างไพเราะเสนาะหู เขาจึงยอมปล่อยให้ออร์ฟีอุสนำวิญญาณของยูริดิซีกลับไปแต่มีข้อแม้ว่าเขาจะไม่หันหลังกลับมาดูจนกว่าจะเดินพ้นยมโลกไม่เช่นนั้นวิญญาณของยูริดีซีจะไม่ได้กลับไปหาเขาตลอดกาล ด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าวิญญาณภรรยาของเขาจะกลับมาจริงไหมเขาจึงหันหลังกลับไปดูนั่นทำให้วิญญาณของยูริดีซีต้องกลับไปยมโลกและไม่มีวันได้กลับมายังโลกมนุษย์อีกตลอดกาล
8. รักต้องห้ามของคลีโอพัตราและมาค แอนโทนี่
ตามตำนานอียิปต์ความรักระหว่างคลีโอพัตราและมาค แอนโทนี่เกิดจากเกิดการผูกมิตรของคนทั้งคู่เพื่อเป็นหลักประกันความปลอดภัยให้กับชาติอียิปต์ แต่เพราะความสวยและความฉลาดหลักแหลมทำให้ มาค แอนโทนี่ตกหลุมรักคลีโอพัตราอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ทั้งคู่จึงย้ายกลับมาอยู่ที่เมืองอเล็กซานเดรีย นั่นทำให้อียิปต์มีทหารที่แข็งแกร่งคอยป้องกันบัลลังก์ จึงทำให้ออคตาเวี่ยนผู้ครองกรุงโรมโกรธมาก เนื่องจากมาคแอนโทนี่มีภรรยาแล้วและเธอคนนั้นก็เป็นน้องสาวของเขานั่นเอง สงครามจึงเกิดขึ้นเมื่อออคตาเวี่ยนบุกไปทำสงครามทางเรือกับอียิปต์
แต่ในระหว่างการทำสงคราม มาค แอนโทนี่เห็นว่ามีทีท่าจะแพ้จึงส่งคลีโอพัตรากลับเข้าเมืองอเล็กซานเดรียและเขาได้ตามกลับไปแต่มีข่าวลือว่าคลีโอพัตราตายแล้ว เขาเสียใจเป็นอย่างมากจึงได้ฆ่าตัวตายตามไป แต่กลายเป็นว่าคลีโอพัตรายังไม่ตายและทันทีที่นางรู้ว่าสามีของนางตายแล้ว นางจึงฆ่าตัวตายตามโดยใช้งูพิษอียิปต์กัดที่หน้าอกข้างซ้าย
7. รักที่ไม่มีใครแทนที่ได้ของตริตันและไอโซลเดอ
การที่เราจะรักใครสักคนไม่ผิด แต่คงผิดถ้าเขาคนนั้นมีคู่ครองแล้ว เช่นเดียวกับความรักของตริตันและไอโซลเดอ
ไอโซลเดอมีฐานะเป็นลูกสาวของกษัตริย์แห่งไอร์แลนด์ เธอได้ถูกหมั้นหมายให้แต่งงานกับกษัตริย์คอร์นวอลล์ แต่เธอกลับไปตกหลุมรักตริตันหลานชายของกษัตริย์คอร์นวอลล์และมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับเขา ไม่นานกษัตริย์คอร์นวอลล์รู้เรื่องและสั่งห้ามไม่ให้ตริตันยุ่งกับไอโซลเดออีกพร้อมทั้งยังให้ออกไปจากคอร์นวอลล์ ต่อมาไม่นานตริตันได้พบกับสาวนางหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายกับไอโซลเดอทั้งคู่จึงตกลงแต่งงานกัน แต่ความรักของตริตันที่มีให้ไอโซลเดอนั้นไม่มีจางหายเขายังคงคิดถึงนางอยู่ตลอดเวลาทำให้ล้มป่วยลง เพื่อจะให้คลายความคิดถึงและทำให้อาการป่วยที่เป็นอยู่หาย เขาจึงเขียนจดหมายไปหาไอโซลเดอ โดยในจดหมายระบุว่าถ้าเธอตกลงที่จะมาหาให้ชักใบเรือสีขาว แต่ถ้าไม่ให้ชักใบเรือสีดำ ด้วยความที่ไอโซลเดอยังคงเป็นห่วง ยังรัก และถวิลหาในตัวตริตันอยู่นางจึงตัดสินใจแยกจากสามีมาหาเขาทันที
ผู้หญิงทุกคนย่อมมีความหึงหวงในตัวสามี ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตคู่เช่นเดียวกับภรรยาของตริตันที่นางหึงหวงตริตัน นางจึงโกหกเรื่องสีใบเรือกับตริตัน เมื่อตริตันเข้าใจผิดคิดว่าไอโซลเดอไม่รักเขาแล้วจึงเสียใจเป็นอย่างมากและตรอมใจตายในที่สุด
6. รักสามเศร้าของลานเซลอตและกวินิเวียร์
ตำนานรักสามเศร้าของลานเซลอตหนึ่งในอัศวินโต๊ะกลมที่มีทั้งความเก่ง กำยำและความหล่อเหลา อีกทั้งยังเป็นอัศวินคู่ใจของกษัตริย์อาเธอร์จะเป็นอย่างไรลองตามไปดูเลยค่ะ
กษัตริย์อาเธอร์ทรงโปรดปรานและไว้ใจลานเซลอตเป็นอย่างมากถึงขั้นแต่งตั้งให้เป็นราชองค์รักษ์คอยอารักษ์ขาและปกป้องกวินิเวียร์ องค์ราชินีของกษัตริย์อาเธอร์ ในระหว่างที่กษัตริย์อาเธอร์ไม่อยู่ในคาเมลอท กวินิเวียร์เกิดรู้สึกเหงาและว้าเหว่ ลานเซลอตและกวินิเวียร์จึงได้มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกัน เมื่อกษัตริย์อาเธอร์ทราบเรื่องจึงตัดสินใจประหารกวินิเวียร์ทันที ลานเซลอตเมื่อรู้ว่าคนรักจะถูกประหารจึงรีบเข้าไปช่วย ทำให้เกิดการต่อสู้กันของอัศวินโต๊ะกลมที่อยู่ฝ่ายกษัตริย์อาเธอร์และฝ่ายลานเซลอต
เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เสียอัศวินโต๊ะกลมไปทันทีหนึ่งคน (หลานชายกษัตริย์เซอร์กาเวน) และทำให้อัศวินโต๊ะกลมแตกเป็นสองฝ่าย ลานเซลอตถูกตามล่าโดยกษัตริย์เซอร์กาเวนเพราะทำให้หลานชายของเขาตาย ทั้งคู่จึงได้หนีไปใช้ชีวิตเงียบๆ ณ ปราสาทริมทะเลสาบ แต่ด้วยความจงรักภักดีของลานเซลอตที่มีต่อกษัตริย์อาเธอร์เขายังคอยช่วยเหลือกษัตริย์อาเธอร์เรื่องทำศึกสงครามจนกระทั่งสงครามครั้งสุดท้ายเขาได้เสียกษัตริย์อาเธอร์นายผู้เป็นที่รักและอัศวินโต๊ะกลมเพื่อนๆ ของเขาทำให้เขาโศกเศร้าเสียใจและสำนึกผิด ลานเซลอตจึงเก็บตัวและไม่กลับมาสู่โลกภายนอกอีกเลย ส่วนกวินิเวียร์นางตัดสินใจบวชตลอดชีวิตเพื่อสำนึกผิดที่ทำให้เรื่องทั้งหมดกลายเป็นเช่นนี้
5. โศกนาฎกรรมความรักระหว่างโรมิโอและจูเลียต
เพราะความบาดหมางของครอบครัวทำให้ความรักของโรมิโอและจูเลียตจบลงด้วยความเศร้า โศกนาฎกรรมความรักระหว่างโรมิโอและจูเลียตเป็นบทประพันธ์ของ วิลเลี่ยม เช็กสเปียร์ แต่งในปี 1595 เป็นบทประพันธ์ที่มีชื่อเสียงและดังไปทั่วโลก เรื่องราวของชายหนุ่มและหญิงสาวที่มาจากสองตระกูลใหญ่และมีชื่อเสียงคือ ตระกูลคาปุเล็ตและมอนตาคิว แห่ง เมืองเวโรนา ประเทศอิตาลีซึ่งนี้ไม่ถูกกันมาช้านาน
โรมิโอชายหนุ่มแห่งตระกูลมอนตาคิวได้แอบเข้าไปในงานเลี้ยงของตระกูลคาปุเล็ต และเขาได้กับหญิงสาวที่มีหน้าตาสวยงาม เธอคือ จูเลียต แห่งตระกูลคาปุเล็ต โรมิโอตกหลุมรักเธอโดยทันที ทั้งสองได้แอบพบกันบ่อยขึ้นแอบไปแต่งงานกัน กระทั่งเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งคู่ต้องแยกจากกันเมื่อเพื่อนของโรมิโอได้ทะเลาะกับญาติของจูเลียตและถูกฆ่าตาย โรมิโอโกรธมากและได้เผลอพลั้งมือฆ่าญาติของจูเลียตตาย เขาถูกตัดสินให้เนรเทศออกนอกเมืองไปตลอดชีวิต
จูเลียตเองก็ถูกบังคับให้แต่งงานเธอกับคนที่เธอไม่ได้รักเธอจึงหาวิธีหนี โดยเธอรู้มาว่ามียาวิเศษที่กินแล้วจะหลับไปเหมือนคนตายแต่แท้จริงแล้วยังไม่ตาย ในระหว่างที่บาทหลวงส่งม้าเร็วไปบอกแผนการให้โรมิโอรู้ จูเลียตก็ดื่มยานั้นและหลับไปคล้ายคนเสียชีวิต ทางด้านโรมิโอสวนทางกับคนส่งสารเมื่อมาถึงก็เข้าใจผิดคิดว่าจูเลียตตายแล้วเขาจึงดื่มยาพิษเข้าไปหวังจะฆ่าตัวตายตามจูเลียต เมื่อจูเลียตตื่นขึ้นมาพบว่าโรมิโอตายแล้วเธอจึงใช้กริชของโรมิโอแทงตัวตายตาม
4. ทัชมาฮาลอนุสรณ์แห่งความรักของชาห์ ชหานและมุมตัช มาฮาล
หลายคนคงไม่คุ้นหูกับตำนานความรักของ จักรพรรดิชาห์ ชหาน และพระนางมุมตัช มาฮาล แต่ถ้าพูดถึงทัชมาฮาลหลายคนคงร้อง อ๋อออออ เลยใช่ไหมคะ ทัชมาฮาลเป็นที่ฝังศพของจักรพรรดิชาห์ ชหาน และพระนางมุมตัช มาฮาล โดยตามตำนานเล่าว่าเจ้าชายขุร์รัม (จักรพรรดิชาห์ ชหาน) ได้พบกับ อรชุมันท์ พานุ เพคุม(พระนางมุมตัช มาฮาล) พระองค์ทรงหลงรักในตัวนางจึงสู่ขอนางจากบิดาซึ่งมีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรี
งานอภิเษกสมรสของพระองค์ถูกจัดขึ้นภายหลังจากนั้น 5 ปี ทั้งสองพระองค์ทรงอยู่เคียงข้างกันมาตลอด ทั้งในศึกสงคราม ยามทุกข์และยามสุข แต่เรื่องน่าเศร้าก็เกิดขึ้นเมื่อพระนางมุมตัช มาฮาล ทรงสิ้นพระชนม์ในขณะที่ให้กำเนิดทายาทคนที่ 14 สร้างความโศกเศร้าเสียใจทั้งกายและใจให้กับจักรพรรดิชาห์ ชหานเป็นอย่างมาก แต่ในความโศกเศร้านั้นพระองค์ก็ได้สร้างประติมากรรมเพื่อเป็นอนุสรณ์และเป็นที่พักสุดท้ายให้กับพระนางมุมตัช มาฮาล
หลังทัชมาฮาลสร้างเสร็จ พระองค์ได้ถูกบุตรชายคนโตจับขังไว้จนสิ้นพระชนม์ โดยพระศพของพระองค์ได้ถูกฝังไว้เคียงข้างพระนางพระนางมุมตัช มาฮาล นางอันเป็นที่รักตลอดกาล
3. เมื่อรู้ตัวว่ารักก็สายไปของนโปเลียนและโจเซฟีน
นโปเลียนนายพลหนุ่มรูปงามฝีมือดีของประเทศฝรั่งเศสที่มีวัยเพียง 16 ปี กลับไปตกหลุมรักโรส สาววัย 32 ปีอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ทั้งๆ ที่โรสนั้นก็แต่งงานมีบุตรแล้วถึงสองคน และยังเป็นหญิงที่เปลี่ยนชายหนุ่มเป็นว่าเล่น เขาจึงเปลี่ยนชื่อของเธอจากโรสเป็นโจเซฟีน เพื่อหวังให้เธอเป็นของเขาคนเดียว ด้านโจเซฟฟีนนั้นหวังเพียงแค่เงินของนโปเลียนเท่านั้น
หลังจากแต่งงานได้ไม่นานโปเลียนต้องนำทัพออกศึกไปมิลาน เขาคอยส่งจดหมายพร่ำบอกโจเซฟีนว่ารักและคิดถึงเธอมากแค่ไหน ด้านโจเซฟีนเมื่อนโปเลียนไม่อยู่จึงแอบไปคบกับชายอื่นและทำมันบ่อยครั้งขึ้นจนกระทั้งนโปเลียนจับได้ และทิ้งเธอไป ทำให้โจเซฟีนรู้ว่าเธอรักนโปเลียนมากแค่ไหน แต่คิดได้ก็สายไปเสียแล้ว จากความรักที่นโปเลียนเคยมีให้โจเซฟีนกลับกลายเป็นความแค้น นโปเลียนเปลี่ยนหญิงสาวเป็นว่าเล่น เพื่อให้โจเซฟีนเจ็บปวดเหมือนที่เธอเคยทำไว้กับเขา
เขาใช้เวลาไปกับการรบเป็นอย่างมากจนกระทั่งได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิของประเทศฝรั่งเศส เมื่อโจเซฟีนไม่อาจมีทายาทให้นโปเลียนได้จึงต้องหย่าร้างกันไป และก่อนที่พระองค์จะสิ้นใจนั้น พระองค์ได้มีคำพูดสุดท้ายว่า “ฝรั่งเศส กองทัพ แม่ทัพ โจเซฟีน”
2.รักที่ถูกต่อต้านของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 1 แห่งเซอร์เบีย และดรากา มาซิน
ตำนานความรักของชนชั้นสูงและคนธรรมดามีหลายคู่ที่เราได้เห็นกันมาบ้างแล้วบางคู่ก็สุขสมหวังและเป็นที่ยอมรับ แต่ก็มีบางคู่ที่ถูกกีดกันและมีข้อกังขา ดังเช่นความรักของกษัตริย์กับหญิงสามัญชนคู่นี้
พิธีหมั้นของพระเจ้า พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 1 แห่งเซอร์เบีย และดรากา มาซิน ซึ่งอดีตเคยเป็นนางสนองพระโอษฐ์ในพระราชมารดาของพระองค์ สร้างความไม่พอใจและต่อต้านเป็นอย่างมากจากทุกฝ่าย ทั้งอดีตพระเจ้ามิลานและเหล่ารัฐมนตรีต่างพากันลาออก เพื่อไม่ให้พระองค์จัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ
อุปสรรคที่พระองค์ และดรากา มาซินได้เจอนั้นมีมากมายแต่เมื่อ ซาร์นิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซียประกาศยอมรับพิธีหมั้นและเป็นพยานในการอภิเษกสมรส เรื่องจึงเบาบางลง ถึงแม้ว่าจะมีอีกหลายฝ่ายและบางประเทศไม่ยอมรับก็ตาม
อย่างไรก็ตามในปี 1903 มีเหตุการณ์การเมืองภายในทำให้พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 1 แห่งเซอร์เบีย และดรากา มาซิน ถูกลอบปลงพระชนม์จากผู้ก่อการร้ายอย่างโหดร้ายและน่าสงสารเป็นยิ่งนัก
1. คู่รัก ลักรถ บอนนี่แอน์ไคลด์
อันดับ 1 ต้องยกให้คู่นี้เลยจ้า เพราะเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาและดังมากกก มีทั้งภาพยนตร์และละครทางโทรทัศน์ รวมถึงมีนิทรรศการที่บอกเล่าเรื่องราวของเขาทั้งคู่
ใครจะรู้ล่ะคะว่าโชคชะตาจะทำให้เขาทั้งสองคนมาพบกันและกลายเป็นคู่รัก คู่โจร บอนนี่และไคลด์พบรักกันที่บ้านเพื่อนของทั้งคู่ แต่ไม่กี่เดือนถัดมา ไคลด์ก็โดนจำคุก 2 ปีจากคดีเก่าที่เขาโดนตำรวจตามจับอยู่ บอนนี่จึงทำทีเข้าไปเยี่ยมและแอบนำปืนส่งให้ไคลด์เพื่อนำไปใช้แหกคุก
เมื่อเขาแหกคุกออกมาได้ไม่นานก็ถูกจับเข้าคุกอีกโดยคราวนี้เขาติดคุกถึง 14 ปี ไคลด์ไม่อาจทนอยู่ในคุกได้นานจึงทำตัวเองให้พิการโดยใช้ขวานฟันหัวแม่โป้งเพื่อที่จะได้ออกจากคุกและเขาสัญญากับตัวเองว่าจะไม่กลับเข้าไปในคุกอีก แต่ช่วงที่เขาออกจากคุกเป็นช่วงเศรษฐกิจของอเมริกาตกต่ำ ไม่มีงานสุจริตให้ทำ เขาจึงเริ่มออกปล้นโดยมีบอนนี่เป็นคู่หูและคู่ใจ ในการปล้นครั้งนี้สิ่งที่เขาชอบปล้นที่สุดคือรถยนต์ เพราะสามารถนำมาใช้เป็นพาหนะในการเดินทางและปล้นทรัพย์สินของชาวบ้านในที่ต่างๆ ได้ด้วย
คนทำผิดยังไงก็ต้องรับผิด บอนนี่ แอนด์ ไคลด์ ถูกวิสามัญฆาตกรรมโดยตำรวจเท็กซัส ประจำรัฐหลุยเซียน่า ก่อนจะตายเขาเคยขอร้องให้ฝังพวกเขาพร้อมกันแต่ดูเหมือนว่าญาติของทั้งคู่จะไม่ทำตาม ตำนานความรักของบอนนี่ แอนด์ ไคลด์ ยังคงมีคนกล่าวขานไปอีกนานรวมถึงสิ่งที่พวกเขาได้ทำไว้ด้วย
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก : historylists.org, www.artrenewal.org, feedyweedy.com
ภาพเปิด : http://3bbmovie.3bb.co.th
เรื่อง : Nitcha