“Post Wedding Blues” ซึมเศร้า หลังแต่งงาน เรื่องซีเรียสที่เจ้าสาวต้องรู้

รู้หรือไม่ว่าอาการ ซึมเศร้า หลังแต่งงาน มีอยู่จริง และสามารถบ่อนทำลายสุขภาพร่างกายและจิตใจของคู่แต่งงานใหม่ได้มากกว่าที่คุณคิด รู้ไว้ก่อนเพื่อป้องกันแต่เนิ่นๆดีกว่า

Post Wedding Blues ซึมเศร้า หลังแต่งงาน บ่าวสาวควรรู้และเตรียมรับมือ

ห๊ะ? อะไรนะ? มีอาการอะไรแบบนี้ด้วยหรือเนี่ย? …ใช่ค่ะ เราบอกเลยว่าอาการ ซึมเศร้า หลังแต่งงาน เป็นอาการที่มีอยู่จริง มีคนมากมายต้องตกอยู่ในสภาวะนี้จริงๆ เหมือนอาการซึมเศร้าหลังคลอด อาจจะเป็นอะไรที่ว่าที่เจ้าสาวส่วนใหญ่คาดไม่ถึงและอาจจะยังไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง แต่เราแนะนำว่าเรื่องแบบนี้รู้ไว้ดีกว่าแก้ เราก็เลยรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าอาการซึมเศร้าหลังแต่งงานนี้มาให้เหล่าว่าที่เจ้าสาวลองศึกษาดูและป้องกันตัวเองแต่เนิ่นๆ เพื่อชีวิตคู่ที่แข็งแรงหลังแต่งงานค่ะ

ซึมเศร้า
Photo by IG @avamariaphoto

อาการซึมเศร้าหลังแต่งงานเกิดจากอะไร

อาการนี้ ภาษาอังกฤษเรียกว่า post wedding blues ซึ่งสาเหตุนั้นหลากหลายมากมายและแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่รวมๆ แล้วเกิดจากสภาวะการเปลี่ยนแปลงของไลฟ์สไตล์อย่างเฉียบพลันของเจ้าสาว ทั้งช่วงก่อนงานแต่งงานและหลังงานแต่งงาน คิดดูสิคะช่วงเตรียมงานแต่ง เราตื่นเต้นและรู้สึกกระฉับกระเฉงเพราะทุกเรื่องเป็นเรื่องใหม่และเป็นครั้งแรกของเรา ช่วงเวลานั้นผู้คนมากมายจะมาห้อมล้อมเพื่อแสดงความยินดี เป็นช่วงเวลาที่เพื่อนๆ ที่เรารัก และญาติๆ ที่ไม่ได้เจอกันมานานมาพบปะกัน เต็มเปี่ยมด้วยความสุขเหลือล้น แต่แล้วจู่ๆ หลังงานแต่งงานเสร็จสิ้นไปสิ่งเหล่านี้หายไปจากชีวิตภายในวันเดียว หลายคนต้องย้ายออกจากอ้อมอกคุณพ่อคุณแม่ไปอยู่บ้านสามีเป็นครั้งแรก ยิ่งถ้าหากคุณทั้งสองไม่เคยอยู่ด้วยกันมาก่อน การอยู่ด้วยกันครั้งแรกอาจจะนำพาประสบการณ์ไม่คาดฝันหลายๆ เรื่องให้คุณผู้หญิงต้องเซอร์ไพรส์ในทางที่ไม่ดี การเปลี่ยนแปลงอย่างเฉียบพลันนี่เองเป็นสาเหตุหลักของการซึมเศร้าหลังแต่งงานค่ะ

อาการที่บ่งบอกว่าเราตกอยู่ในภาวะ ซึมเศร้าหลังแต่งงาน

  • รู้สึกเบื่อไปหมด ไม่เอนจอยแม้กระทั่งกิจกรรมที่เราเคยชอบ
  • ไม่อยากพบเจอผู้คน อยากปลีกตัวออกมาอยู่คนเดียว
  • หรืออารมณ์ฉุนเฉียวง่าย ชวนทะเลาะ หงุดหงิดบ่อยๆ
  • นอนมากเกินไป หรือนอนไม่หลับเลย
  • กินน้อยลง หรือกินมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ซึมเศร้า
Photo by Kayla Coleman Photography

วิธีจัดการกับอาการซึมเศร้าหลังแต่งงาน

1. ก่อนอื่น ทำความเข้าใจกับการเปลี่ยนแปลง

เริ่มตั้งแต่ก่อนวันแต่งงานเลยค่ะ เราต้องเข้าใจว่า วันแต่งงานเป็นแค่พิธีการที่จะเริ่มต้นพาเราเข้าสู่ ชีวิตคู่ แทนที่จะสนใจเพียงแต่การจัดงานให้เพอร์เฟ็คสมใจ อย่าลืมคิดถึงว่าหลังวันแต่งงานแล้วเราวางแผนชีวิตตัวเองยังไงด้วยนะคะ และจะยิ่งดีหากคุณแชร์การวางแผนนี้ร่วมกับคู่รักของคุณ ลองหาแผนการใหม่ๆ หลังแต่งงานให้ชีวิตมีเป้าหมายตลอดเวลา เช่น แพลนซื้อบ้านใหม่ แพลนทริปไปเที่ยวด้วยกัน เป็นต้น

2. ไม่อายที่จะขอคำปรึกษาจากแพทย์

หากรู้สึกว่าอาการที่เป็นอยู่ของเราเริ่มควบคุมไม่ได้ หรือเริ่มส่งผลกระทบกับชีวิตด้านอื่นๆ เช่น การทำงาน อย่าอายที่จะเดินไปขอนัดพบจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อย่าคิดว่าการไปพบจิตแพทย์แล้วใครจะมองว่าเราเป็นบ้าหรือมีความผิดปกติทางจิต เพราะที่จริงแล้วจิตแพทย์สามารถช่วยให้คำแนะนำเพื่อลดความเครียดและปรับแก้อาการที่เป็นสภาวะชั่วคราวเหล่านี้ได้ด้วยเช่นกัน ในทางตรงกันข้าม ยิ่งปล่อยให้ตัวเองเครียดนานเท่าไร การเข้าไปพบจิตแพทย์ก็จะยิ่งทำให้ต้องใช้เวลาในการรักษานานกว่าเดิมด้วยค่ะ

3. ปรับตัวเข้าหาคู่รักของคุณ

เพราะชีวิตคู่ไม่ได้ประกอบด้วยคนๆ เดียว จริงไหมคะ? ลองเปิดใจคุยกับคู่รักของเราเกี่ยวกับอาการที่เราเป็นอยู่เพื่อหาทางแก้ไขร่วมกัน บอกเล่าอย่างเปิดใจถึงปัญหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์หรือความยากลำบากในการต้องเผชิญกับสิ่งใหม่ๆ (เช่น บ้านใหม่ ครอบครัวใหม่ การย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันครั้งแรก) โดยโฟกัสที่การร่วมกันแก้ปัญหา ไม่ใช่การชวนทะเลาะหรือการเรียกร้องให้เขาปรับตัวเข้ามาหาเราแต่ฝ่ายเดียวค่ะ

4. หาโอกาสออกไปพบปะเพื่อนๆ และครอบครัว

คู่รักส่วนใหญ่ที่เริ่มอยู่ด้วยกันใหม่ๆ อาจจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันตลอดจนบางทีเหมือนใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากเกินไป แต่เหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับชีวิตคู่ต่างก็แนะนำว่าคู่รักควรจะมีเวลาส่วนตัวที่ห่างจากกันและกันบ้าง ซึ่งกลับจะยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของเราแข็งแกร่งขึ้นด้วย ใน 1 อาทิตย์ ลองหาเวลาซัก 1-2 วัน ที่เราจะออกไปทานข้าวกับกลุ่มเพื่อนเก่า หรือกลับบ้านไปหาครอบครัวบ้าง จะช่วยลดความเครียดได้เป็นอย่างดีค่ะ

ซึมเศร้า
Photographer: Peyton Rainey

สุดท้ายนี้ อยากให้ว่าที่เจ้าสาวทั้งหลายคำนึงถึงคนข้างๆของเราให้มากๆเข้าไว้นะคะ อย่าใส่ใจกับความต้องการของเราอย่างเดียวจนลืมดูแลความสัมพันธ์ของเราล่ะ อะไรที่ปรับเข้าหากันได้คนละครึ่งทางก็ลองปรับเข้าหากันดู เพื่อชีวิตคู่ที่ยั่งยืนของคุณและคู่รักค่ะ

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการใช้ชีวิตคู่เพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย <<

credit story: theknot.com , vogue.com

Recommended