รักนี้พี่ทุ่มของ ภัทร – จึงกานต์กุล และ จุ้มจิ้ม – วรนันท์

ยุทธศาสตร์ “ว่าที่ลูกเขย”

จุ้มจิ้ม : พ่อบอกว่าอย่างน้อยต้องคบกัน 2 ปี ตอนนั้นก็คบกันได้ปีกว่าๆ แล้ว พี่ภัทรมองว่าถ้าสองปีแล้วค่อยทำเรื่องจองโรงแรม มันจะช้าไปอีกปี เพราะโรงแรมจะเต็มเสียก่อน เขาก็เลยบอกว่า “พี่ขอแบบนี้ได้ไหม เราจะครบ 2 ปีเดือนกรกฎาคม แล้วเราก็ไปแต่งกันปลายพฤศจิกายน แต่พี่ขอทำเรื่องมัดจำโรงแรมเอาไว้ก่อน ถ้ากรกฎาคมพ่อยังไม่ให้ พี่ยอมเสียมัดจำ”

ภัทร : เป็นยุทธศาสตร์พระเจ้าตาก ทุบหม้อข้าวตีเมืองจันทร์ เราเคยคุยกันไว้แล้วว่าเราจะแต่งงานกันปลายปี 60 เพราะว่าจิ้มพร้อมตั้งแต่ต้นปีแล้ว แต่จิ้มก็บอกว่าให้อดทนไปก่อน เพราะเราต้องแคร์พ่อ แต่ปรากฎว่าปลายปี 60 ก็ยังไมได้แต่ง ก็เคยทะเลาะกันนะว่าไหนจิ้มบอกว่าจะพูดกับพ่อ แต่เขาก็ให้รอไปอีกปี ขอเป็นปลายปี 61 เราก็เอางี้นะ ต้นปี 61 เราก็ไปมัดจำโรงแรมไว้ก่อน

จุ้มจิ้ม : เขาเลือกวันก่อนเลย แต่เพิ่งมารู้ทีหลังว่าวันที่เขาเลือกเป็นวันมหาฤกษ์มาก แต่ก็เลือกจากความสะดวก

ภัทร : ก็เลือกที่ใกล้วันเกิด 28 พฤศจิกายน ก็แบบ “พ่อครับ ผมขอเป็นของขวัญวันเกิดได้ไหมครับ” เป็นการทุบหม้อข้าวมาก กะว่าไม่เหลืออะไรแล้ว ต้นปีก็ไปจอง แล้วก็ทำเรื่องขอสมรสประทานจากพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ซึ่งก็ต้องทำเรื่องก่อน ไม่ใช่ว่าแต่งพฤศจิกายนรอจนพ่อไฟเขียวแล้วค่อยทำเรื่อง สมมุติว่าไฟเขียวตอนเดือนตุลาคม แล้วไปทำเรื่องขอก็อาจจะไม่ทัน เพราะเราไม่สามารถไปเร่งรัดได้ ก็เลยทำเรื่องขอไปในวังตั้งแต่ต้นปีเลยแล้วกัน นึกว่าจะได้ปลายๆ ปี เพราะในวังก็ถามมาจะแต่งเมื่อไหร่ ก็แจ้งว่าปลายปี ในวังก็แจ้งกลับมาว่า แต่พระองค์หญิงจะเสด็จต่างประเทศนาน

ทำให้มี 2 ตัวเลือก คือเข้ารับตั้งแต่ มีนาคม หรือ ไม่ก็รอตุลาคม ซึ่งเราก็คุยกันเองว่า ถ้าตุลาคมท่านทรงมีกรณียกิจ ก็จะไม่ทันกับงานเราก็เลยตัดสินใจเอาเรื่องนี้ไปบอกพ่อ แต่ตอนนั้นแม่รับสาย

จุ้มจิ้ม : ก็โดนแม่ดุมาอีกรอบ

ภัทร : แม่ดุว่า ภัทรมัดมือมัดเท้ากันอย่างนี้เหรอ

จุ้มจิ้ม : ก็มีน้ำตาคลออีกรอบ

ภัทร : เราก็อธิบายด้วยเหตุผลว่าไม่ได้จะมัดมือชกนะ มันเป็นอย่างนี้จริงๆ แต่ก็เป็นพระกรุณาธิคุณจริงๆ เพราะจากเหตุการณ์นี้ทำให้ทุกอย่างราบรื่นขึ้นเยอะเลย แต่ก็เข้าใจพ่อนะ ถ้ามองในมุมพ่อ จิ้มเป็นลูกสาวคนโตและเป็นลูกสาวคนเดียว พ่อก็พยายามยืดให้ช่วงเวลายาวที่สุด แต่ว่าเราก็มีเดดไลน์บางอย่างของเราเหมือนกันก็เลยถือเป็นจังหวะดีที่ทุกอย่างลงตัว

ไบรด์ซิลล่าจนเกือบล่มงานแต่ง

จุ้มจิ้ม : เหมือนฮอร์โมนมันแปรปรวน มีความเครียดลึกๆ ทำให้อารมณ์ดีดง่ายมาก จากที่ไม่ค่อยทะเลาะกัน ก็ทะเลากันช่วงนี้เยอะมาก เขาไปปาร์ตี้กับเพื่อนไม่กล้าบอก แล้วจิ้มจับได้ วันนั้นงานแต่งเกือบคว่ำเลย

ภัทร : คือเขาไม่ชอบคนโกหก เราก็ไม่อยากโกหก ก็เลยไม่อยากบอกอะไรที่มันเป็นเรื่องของผู้ชาย เพราะรู้ว่าพูดไปเขาก็ไม่สบายใจ ก็เลยโกหกให้เขาสบายใจ เพราะตอนแรกก็ไม่คิดว่าต้องมาเล่าเรื่องอะไรแบบนี้มาก สุดท้ายก็ได้เรียนรู้ว่า เขาไม่ชอบการโกหกเบอร์แรงมาก ก็เลยเคลียร์กันว่าจะไม่จัดปาร์ตี้สละโสดเลย

จุ้มจิ้ม : เขามาง้อ มาเล่นใหญ่อีกครั้ง เบิร์นเงินเป็นสตาร์ทอัพอีกครั้ง มีทั้งเซอร์ไพรส์ แล้วเขาร้องไห้เยอะมากจริงๆ

ภัทร : เรามองว่า เรื่องบางเรื่องไม่มีถูก ไม่มีผิด แต่ละคนมองเรื่องแต่ละเรื่องไม่เหมือนกัน เราก็มองว่าเราไม่ควรเลิกกันเพราะสิ่งนี้  จุดเดียวที่ผิดพลาดก็คือเราโกหก แต่เราโกหกเพราะความบริสุทธิ์ใจ

อีกอย่างคือจิ้มเป็นเด็กเรียบร้อยมาก เรื่องบางเรื่องเขาก็ไม่ชอบ เราก็ไม่อยากให้รู้ให้เขามาระคายเคืองกับอะไรแบบนี้ แต่ก็ดันมีเพื่อนมาบอก มันก็เลยเป็นประเด็นขึ้นมา นี่ก็เป็นครั้งแรกของเรา ก็ทำตัวไม่ถูกว่าควรจะยอมรับไปเลย หรือว่าไม่พูดดี

สุดท้ายแล้วนี่ก็คือบทเรียนที่ดีของชีวิตคู่  ว่าไม่มีสูตรตายตัวว่าในแต่ละหัวข้อต้องเป็นอย่างไร มันอยู่ที่แต่ละคู่พอใจแบบไหน ก็ต้องเปิดใจคุยกัน เพราะบางอย่างในเรื่องเดียวกันเราก็มองกันคนละแบบ เราก็ควรที่จะคุยกัน

จุ้มจิ้ม : แต่ก็เกือบเลิกแล้วนะ เพราะโทรบอกพี่น้องเขาแล้วว่าขอโทษที แต่งด้วยไม่ได้แล้ว เตรียมโทรบอกพ่อกับแม่ในวันรุ่งขึ้น

ภัทร : แต่เนี่ย ก็เรียนรู้ว่ามีอะไรให้เปิดใจคุยกัน อย่าเอาความคิดตัวเองเป็นหลักก็จะดีกว่า

รับมือไบรด์ซิลล่า แบบฉบับของ “ภัทร”  (โหมดนี่จริงจังมาก หนุ่มๆ ใช้เป็นแนวทางได้นะ)

ภัทร : จริงๆ พี่เป็นคนไม่ชอบทะเลาะกับใคร ถ้ารู้ว่ามีอะไรขัดแย้งก็จะให้มาคุยกันก่อน ไม่อยากให้อารมณ์นั้นอยู่ไปนานๆ นอกเสียจากว่าต่างคนต่างไม่ยอมลงให้กัน ก็จะค่อยกลับมาคุยกันใหม่

จุ้มจิ้ม : เขาชอบฟ้องเพื่อนจิ้ม ชอบโทรไปฟ้องเวลามีเรื่องทะเลาะกัน

ภัทร : เนี่ย แค่เรื่องการฟ้องเพื่อน ก็เป็นมุมมองที่ไม่เหมือนกันแล้ว

จุ้มจิ้ม : ไม่ชอบเลยที่จะเอาเรื่องของเราสองคนไปบอกคนนอก แม้จะเป็นเพื่อนสนิทเราก็ตาม

ภัทร : สำหรับพี่นะ พี่มองว่าในเมื่อเราสองคนคุยกัน คนหนึ่งซ้าย อีกคนขวา จูนกันเองไม่ได้ ก็อยากให้มีบุคคลที่สามที่เราไว้ใจ แล้วไม่ใช่คนที่พี่ไว้ใจ ส่วนใหญ่พี่จะเอาคนที่เขาไว้ใจ ให้เขารับรู้ว่ามีปัญหานี้เกิดขึ้น เพื่อให้เขาเป็นกระจกสะท้อนว่า ความคิดแต่ละคนมันมากน้อยต่างกันยังไง เกินไปไหมสำหรับคนอื่นๆ เพราะไม่อย่างนั้นเราจะทะเลาะกันไม่จบ

เราก็มีหลักที่เรายึดถือ เขาก็มีของเขา ต่างไม่ยอมเดินเข้ามาตรงกลาง สำหรับพี่มันคือเดดล็อคอ่ะ จังหวะนั้นก็ต้องมองหาคนกลางมาช่วยปลดเดดล็อคนี้ แต่เขาจะมองว่าห้ามไปพูด อ้าว มันก็ล็อคอยู่แบบนี้สิ ถ้าเราแก้ไขได้เองโดยต่างฝ่ายต่างเปิด พี่ก็อยากผ่านโมเม้นต์นั้นไปเร็วๆ ไม่อยากมานั่งเก็บพลังงานเชิงลบไว้ ก็เลยเป็นเหตุผลที่ไม่เหมือนกัน

จุ้มจิ้ม : แต่ส่วนใหญ่ก็ดีขึ้นเอง ดีที่เขาเป็นคนง้อ พอเขาใจเย็นลง เขาก็จะง้อ เพราะจิ้มเป็นคนแข็งนิดนึง อันนี้ปรับยาก

ภัทร : ก็พยายามบอกเขาว่า ครั้งแรกพี่ยอมง้อ แต่ถ้าไปถึง 10 แล้วยังทะเลาะกันเรื่องเดิมอีกแบบนี้ พี่ก็จะขอบุคคลที่ 3 ไม่งั้นก็จะไม่มีทางออก เหตุผลยังไม่ถูกเข้าใจกัน ปัญหาก็ไม่ถูกแก้ เหมือนเป็นสิวแล้วเอาอะไรมากลบไว้ พอผ่านไปสิวก็ยังอยู่ ไม่หาย  แล้วบ่อยๆ ก็ไม่ไหว

 

เซอร์ไพรส์ x4

 

ดูโพสต์นี้บน Instagram

 

Best birthday ever! 😭❤️🎂 ไม่รู้จะขอบคุณยังไงดี กับเซอร์ไพรส์ 4 ชั้น เมื่อคืนนี้ มีความสุขมาก ซึ้งมาก และจับโป๊ะไม่ได้เลยจริงๆ ขอบคุณเพื่อนรักทุกคนจากใจ❤️ วันเกิดปีนี้ ถ้าขอพรได้จริง ก็มีแค่เรื่องเดียวที่อยากจะขอ คือขอให้พวกเราเป็นเพื่อนกันแบบนี้ตลอดไป และที่สำคัญที่สุดขอบคุณคู่ชีวิตที่แสนดี @patjungkankul ที่ทำให้รู้สึกว่าตัวเองโชคดีในทุกๆวัน จากนี้จะทำให้ดีที่สุด เพื่อทำให้พี่มีความสุขที่สุดไปตลอดชีวิตเช่นกันค่ะ ❤️💍 #jjsayyes #mybirthday2018 #jjisalways25 #bff 👫👭👬👫👭👬

โพสต์ที่แชร์โดย Jumjim Voranun Chantrasmi (@jumjim_voranun) เมื่อ

ภัทร : แต่เดิมเราคิดทุกอย่างตามสเต็ปว่าเราพร้อมจะใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน ขอพ่อ พ่อโอเค เราก็จะรอสักพัก แล้วขอ แล้วค่อยไปหาโรงแรม  ทุกอย่างจะสวยงาม

จุ้มจิ้ม : จริงๆ ก่อนหน้านี้เขาเคยคุกเข่าขอแต่งงานแล้วครั้งหนึ่ง ตอนวันเกิดเขาเพื่อนก็ทยอยลงรูป แต่จิ้มไปบอกเพื่อนให้ลบออก ลงไม่ได้ เดี๋ยวพ่อเห็นจิ้มตายแน่ ก็เป็นการคุกเข่าที่โดนลบ ก็ไม่นับ

ภัทร : เราไม่ได้มีเจตนาไม่ขอแต่งงาน แต่เมื่อขอรอบนั้นก็ไม่ได้ เพราะพ่อยังไม่รู้เรื่อง ขอไปก็ไม่ได้แต่ง แล้ววันดีคืนดีในวังแจ้งมาให้เข้าไปรับน้ำสังข์ ทำให้เตรียมตัวไม่ทัน ระหว่างนั้นก็คุยเรื่องออแกไนซ์ แพลนเนอร์ต่างๆ เหมือนเข้าสู่โหมดเตรียมตัวแต่งงานโดยไม่ได้ขอ เขาก็ตอดเรามาตลอด ตอดเป็นปลากัด

จุ้มจิ้ม : ก็เห็นคู่อื่นเขาขอกันน่ารัก แล้วเราจะไม่มีเหรอ จนเราก็เลิกคิดไปแล้วไง ว่าไม่มีแล้ว

ภัทร : ก็เลิกคิดไม่จริง ทุกครั้งเวลามีข่าวดาราขอแต่งงานเขาก็จะพูดลอยๆ แต่เราก็มีคิดในใจอยู่แล้วว่าไทม์ไลน์ที่เหมาะที่สุดก็ต้องเป็นวันเกิดเขา ก็เป็น 5 เดือนของการถูกตอดนับตั้งแต่ที่เข้ารับประทานสมรส จนถึงเดือนที่เป็นวันเกิดเขา

จุ้มจิ้ม : จิ้มว่าตอดไม่ถึง 5 เดือน เพราะจิ้มเลิกคิดไปก่อนหน้านั้น

ภัทร : ก็นั่นแหละ เป็น 5 เดือนที่เราอึดอัด เราก็กะเล่นใหญ่ทีเดียว แต่ก็ตอดเหลือเกิน เป็นแผลเหวอะไปหมดแล้ว

จุ้มจิ้ม : เดิมวันเกิดจิ้มนัดเพื่อนในกลุ่ม 4 คน ตั้งใจว่าจะเป็นไพรเวทดินเนอร์ผู้หญิงๆ แต่ก็โดนเพื่อนหลอกอีกที แล้วตอนที่พี่เขาขอก็งงนะ แล้วก็ขำ บอกไม่ถูก จะร้องก็ไม่เต็มที่ ตกใจมากกว่า ตอนคุกเข่าเขาบอกว่า พี่พิมพการ์ดเสร็จแล้วนะ แต่ก็น่ารักดี เพราะเราซึ้ง ร้องไห้กันมาเยอะแล้ว

โปรเจ็กต์งานแต่งนี้ไม่ธรรมดา

จุ้มจิ้ม : เราจัดงานทั้งหมดในวันเดียวกัน ตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าจนถึงตีสอง

ภัทร : เราอยากให้แขกรู้สึกว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของงานเราจริงๆ ไม่ต้องเกร็ง

จุ้มจิ้ม : เพื่อนเจ้าบ่าว 34 คน แล้วก็เพื่อนเจ้าสาวอีก 26 ระหว่างเปลี่ยนงานไปสู่อาฟเตอร์ปาร์ตี้ก็สนุก เราซีเรียสกับความสนุกในงาน เพราะกลัวแขกเบื่อ ไม่อยากให้แขกรู้สึกว่าฉันมาทำอะไรที่นี้

ส่วนงานแต่งงานของทั้งคู่นั้นจะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน 2561 ที่โรงแรม ดิ แอทธินี อะ ลักชัวรี คอลเลคชั่น โฮเต็ล  แพรว wedding ขอแสดงความยินดีกับทั้งคู่ด้วยนะคะ ^^

ติดตามเรื่องราวความรักของคู่รักคนดังได้อีกเพียบที่นี่ คลิกเลย!

Recommended