วันที่ 19 พ.ย. ที่ผ่านมา สำนักพระราชวังอังกฤษ ได้เผยแพร่พระฉายาลักษณ์คู่ สมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 และ เจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ ในโอกาสครบรอบ 70 ปีอภิเษกสมรส ผลงานพระฉายาลักษณ์ที่ถือเป็นประวัติศาสตร์โดย แมตต์ โฮลีโอค ช่างภาพชาวอังกฤษ ถ่ายที่พระราชวังวินด์เซอร์ โดยสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธ พระชนมายุ 91 พรรษา ฉลองพระองค์เดรสสีครีม ซึ่งเป็นฉลองพระองค์เดียวกับที่ทรงสวมในงานพระราชพิธีฉลองอภิเษกสมรสครบ 60 ปี เมื่อปี 2550 และทรงประดับเข็มกลัดทองคำประดับทับทิมล้อมเพชร ที่พระราชสวามีถวายเป็นของขวัญเมื่อปี 2509 ด้านเจ้าชายฟิลิปทรงฉลองพระองค์สูท เนคไทสีเข้ากับเข็มกลัดของสมเด็จพระราชินีฯ
สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และพระสวามีทรงเข้าพิธีอภิเษกสมรส ที่มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ ในกรุงลอนดอน เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 หรือเพียง 2 ปี หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในขณะนั้นสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงดำรงพระอิสริยยศเจ้าหญิงเอลิซาเบธ ทรงมีพระชนมพรรษา 21 พรรษา ขณะที่เจ้าชายฟิลิป มียศเป็นร้อยโทฟิลิป เมาต์แบตเทน อายุ 26 ปี หลังจากเข้าพิธีอภิเษกสมรส เจ้าหญิงเอลิซาเบธเสด็จย้ายตามพระสวามีที่ประจำการอยู่ที่เกาะมอลต้า จนกระทั่งพระเจ้าจอร์จที่ 6 พระราชบิดา เสด็จสวรรคตในปี 2495 จึงเสด็จกลับขึ้นครองราชย์
นับว่าทั้งสองพระองค์เป็นคู่สมรสที่ประสบความสำเร็จที่สุดในประวัติศาสตร์พระราชวงศ์อังกฤษ จากหลักในการครองเรือนอันแสนเรียบง่ายแต่อบอุ่นที่เจ้าชายฟิลิปตรัสในวันอภิเษกสมรสครบ 50 ปี เมื่อปี 2540 ที่ว่า สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้ชีวิตคู่มีความสุขคือ การให้อภัยกัน และสมเด็จพระราชินีทรงเป็นผู้ที่รู้จักให้อภัยอย่างมาก สรุปก็คือพระราชกรณียกิจของพระองค์คือ การไม่ทำให้สมเด็จพระราชินีฯ ผิดหวังนั่นเอง
ทั้งนี้ ในวันฉลองครบรอบ 70 ปี พระราชพิธีอภิเษกสมรส ไม่มีการจัดพิธีอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด มีเพียงงานเลี้ยงเล็กๆ ส่วนพระองค์ที่พระราชวังวินเซอร์ ร่วมกับสมาชิกราชวงศ์และพระสหาย และการตีระฆังในเวลา 13 นาฬิกา ของวันที่ 20 พฤศจิกายน ตามเวลาท้องถิ่นเท่านั้น
ทั้งนี้ นอกจากพระฉายาลักษณ์ชุดพิเศษที่กล่าวข้างต้น ยังมีคอลเลกชั่นเครื่องชามลงลายพระราชลัญจกรล้อมรอบด้วยกุหลาบเลื้อยที่สมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 ทรงโปรด ออกวางจำหน่ายเพื่อเป็นที่ระลึกในโอกาสสำคัญนี้อีกด้วย
เรียบเรียง : ชวลิดา
Cr. telegraph.co.uk, express.co.uk, people.com, theguardian.com