เจ้าสาวเตรียมตัวไว้ 9 คำถามนี้ต้องตอบหลังจบงานหมั้น

ก่อนหมั้นทุกคนก็ถาม “เมื่อไรจะหมั้น” พอจบ งานหมั้น อีก 108 คำถามก็ยังจะตามมาชนิดที่อาจทำให้คุณคลื่นเหียนวิงเวียนไปชั่วขณะ เพราะอาจจะเยอะจนคุณตั้งรับไม่ทัน ถ้างั้นมาเตรียมรับมือกับคำถามที่ว่าที่บ่าวสาวมักจะเจอกันดีกว่า ตั้งใจอ่านให้ดี เพราะเรามีคำตอบดีๆ ที่รับรองได้ว่า ถูกใจมนุษย์ขี้สงสัยเหล่านั้นแน่นอน

“ขอดูแหวนหน่อยสิ”

จะว่าประโยคนี้เป็นประโยคบอกเล่าคงไม่ถูกเป๊ะ จะบอกว่าเป็นคำถามก็แบบว่า กึ่งๆ ถามความสมัครใจอยู่หน่อยๆ แต่ไม่ว่าจะเป็นยังไง จงรู้ไว้เถอะค่ะว่าใครๆ ก็อยากเห็นแหวนของคุณใกล้ๆ กันทั้งนั้น ดังนั้นประโยคที่ว่า ขอดูหน่อยซิระยิบระยับแค่ไหนอะไรแบบนี้จึงเกิดขึ้นแน่ๆ ฉะนั้นคุณควรเตรียมมือให้พร้อมโดยเริ่มจากเลิกกัดเล็บก่อนเลย หรือไม่ก็ลงทุนเข้าเนลซาลอนก็เข้าท่าสุดๆ เวลาโชว์แหวนจะได้สวยพร้อมทั้งมือทั้งนิ้ว แต่ถ้าเหล่าบรรดาทั้งหลายได้ดูแล้วยังไม่หนำใจ อาจเจอคำถามต่อเนื่องประเภทว่า “กี่กะรัตคะเนี่ย” ขอแนะนำว่าคุณไม่จำเป็นต้องตอบ แค่ยิ้มเล็กๆ แล้วเปลี่ยนเรื่องคุยไปเลยก็ได้ไม่น่าเกลียด

“เค้าขอแต่งงานยังไงเหรอ”

ขอแนะนำให้คุณเตรียมคำตอบไว้ 2 แบบไปเลยค่ะ แบบแรกคือ ดีเทลจัดเต็มสำหรับเพื่อนสนิทและครอบครัว เข้มข้นทุกอารมณ์ประหนึ่งร่วมเหตุการณ์แบบริงไซด์ ส่วนแบบที่ 2 ก็ตามมารยาทสั้นๆ พอเป็นพิธี สำหรับคนรู้จักทั่วไปค่ะ เช่นว่า ก็ปกติแหละค่ะ จากนั้นยิ้มเบาๆ ก็พอ หรือถ้าอยากใส่ดีเทลอีกนิดก็อาจเติมพวกภาพกว้างของเหตุการณ์ลงไป เช่น ไปเที่ยวทะเลแล้วเขาขอ หรือดินเนอร์อยู่แล้วคุยๆ กันอะไรประมาณนี้ก็พอดีๆ แล้วค่ะ

“แต่งวันไหน”

จริงๆ ทุกคนก็คงจะรู้ว่าการกำหนดวันนี่ยุ่งยากขนาดไหน แต่ทำไงได้…ใครๆ ก็ล้วนตื่นเต้นไปกับคุณนี่นา คำถามคลาสสิคนี้เลยต้องมาแน่ๆ แต่ถ้าคุณยังไม่รู้วันที่แน่นอน ก็ตอบกว้างๆ ไปก่อนก็ได้ว่าจะเป็นช่วงฤดูไหน หรือจะเลี่ยงตอบเรื่องเวลาไปเลย ประมาณว่าสถานที่ยังไม่ลงตัวก็เป็นคำตอบที่โออยู่

“เลือกชุด ธีมสี หรือดอกไม้ได้แล้วยัง”

การที่มีคำถามนี้เกิดขึ้นมา เป็นโอกาสดีที่จะทำให้คุณจะมีโมเม้นท์จับเข่าคุยหาไอเดียงานแต่งอย่างสนุกสนานกับใครก็ตามที่ถามคำถามนี้กับคุณ จนเกิดไอเดียอีกล้านแปดฟุ้งกระจาย แต่ถ้าตอนนี้อะไรๆ ยังตีกันยุ่งไปหมด เราขอแนะนำให้คุณบอกไปกลางๆ ว่า ดูๆ อยู่ อาจะเป็นธีมทั่วๆ ไปแหละค่ะ ถ้าคนถามฟังแล้วไม่จบหรือมีการเสนอร้านรวงต่างๆ แล้วอาจเลยไปถามถึงงบประมาณล่ะก็ จึงยืนหยัดกอดตัวเลขบัดเจ็ทให้แน่น แล้วมั่นคงกับไอเดียตัวเองไว้ก่อนเป็นดี อย่าเพิ่งคล้อยตามไปเด็ดขาด

“แต่งแล้วจะมีลูกเลยไหม”

คำถามนี้ส่วนใหญ่จะมาจากคนใกล้ตัวอย่างผู้ใหญ่ในครอบครัว แล้วอาการมองบนก็มักจะเป็นคำตอบแรกๆ ของคนส่วนใหญ่ เอาเข้าจริงมันก็ไม่ใช่คำถามที่หยาบคายอะไร ดูเป็นความหวังดีซะมากกว่าด้วย เราแนะนำให้คุณลองถามกลับด้วยคำถามเดียวกัน ให้เกิดบทสนทนาที่อบอุ่นและแฝงความอ่อนน้อมต่อญาติผู้ใหญ่เหล่านั้นไว้ได้เป็นอย่างดี

“จะเปลี่ยนนามสกุลไหม”

เรื่องการเปลี่ยนไปใช้นามสกุลว่าที่สามี หรือยังใช้นามสกุลเดิมในสมัยนี้ถือเป็นเรื่องธรรมดาสามัญสุดๆ เหมือนคุยกันเรื่องดินฟ้าอากาศ กินข้าวแล้วยังอะไรทำนองนี้ ก็แค่ตอบไปตามตรง เปลี่ยนก็บอกเปลี่ยน ไม่เปลี่ยนก็บอกไม่เปลี่ยนแค่นั้นเอง

“เชิญใครบ้าง”

เราสรุปให้ว่าจะมีคน 2 กลุ่มที่ถามคำถามนี้  กลุ่มแรก คืออยากรู้ว่าตัวเองได้รับเชิญหรือเปล่า ส่วนกลุ่มที่ 2 คืออยากรู้ว่าจะมีคนรู้จักมาร่วมงานไหม ซึ่งกลุ่มนี้มั่นใจว่าตัวเองได้รับเชิญแน่นอน.. แต่ถ้าเขาเหล่านั้นไม่อยู่ในลิสต์ คุณอาจตอบให้เหมือนเป็นการบอกใบ้ไปว่า คุณกับแฟนอยากจะจัดงานเล็กๆ ส่วนใครก็ตามที่กล้าถามว่าคุณจะเชิญแฟนเก่าไหม เราขอแนะนำให้คุณมองแรงใส่ทันทีค่ะ!

“ฮันนีมูนที่ไหน”

ถ้าคุณยังไม่ได้แพลนไว้ในใจ ตอบไปก่อนว่าหลังเสร็จงานแต่งถึงจะคิดก็ได้ ดีไม่ดีก็ขอไอเดียคนถามตุนไว้ซะเลย เพราะคุณเองอาจได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ อย่างเช่น ทะเลแคริบเบียนไม่ควรไปช่วงไหน หรือพักหาดไหนในภูเก็ตถึงจะได้ความเป็นส่วนตัวสูงสุด เป็นต้น

“มีปาร์ตี้สละโสดไหม”

ไม่ว่าคุณจะแพลนไว้อย่างไรก็ไม่จำเป็นต้องตอบไปทั้งหมด เพราะปาร์ตี้นี้เป็นอะไรที่ดีเทลยิบย่อย แถมทุกอย่างไม่ได้อยู่ที่คุณคนเดียว ปัญหาคุณว่าง-เพื่อนไม่ว่าง เพื่อนว่าง-คุณไม่ว่างที่น่าปวดหัว แค่ตอบไปว่ายังไม่แน่ใจก็น่าจะจบ.. แต่ถ้าคนถามพยายามแรงมาก แต่คุณแน่ใจว่าจะไม่มีชื่อนางอยู่ในลิสต์แน่ๆ ก็ปล่อยเบลอไปเลยแล้วบอกว่าคุณวุ่นวายกับการเตรียมงานแต่งสุดๆ เรื่องปาร์ตี้นี้เอาไว้ทีหลังละกันนะจ๊ะ

ดูไอเดียและคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ stocksnap.io

Recommended