บอกลาความเหนื่อยล้าที่มีมาตลอดทั้งสัปดาห์ ไปหาที่ ฮันนีมูน พักผ่อนหย่อนใจแบบไม่ต้องขับรถไปต่างจังหวัดให้เมื่อยตัว เพียงแค่ 1 – 2 ชั่วโมงจากกรุงเทพฯ ก็สามารถเพลิดเพลินกับวิวข้างทางสูดอากาศชานเมืองและเจริญใจกับสถานที่ท่องเที่ยวหลากรูปแบบที่เราได้จัด โปรแกรมเที่ยว เพลินๆ มาให้แล้ว
ก่อนออกเดินทางในเช้าวันหยุดที่แสนสดใสลองจิบชาอุ่น ๆ หรือกาแฟร้อน ๆ สักแก้วเป็นการอุ่นเครื่อง จากนั้นสะพายกล้องให้พร้อมแล้วเตรียมตัวเที่ยวไปกับคนรู้ใจบนเส้นทางสายพุทธมณฑล
พิศเพลินที่บ้านพิพิธภัณฑ์
เริ่มต้นที่แรกกับ “บ้านพิพิธภัณฑ์” หรือ “House of Museums” ก่อตั้งโดยคุณเอนก นาวิกมูล ซึ่งหลังจากวิกฤติน้ำท่วมเมื่อปี 2554 ก็ได้ปิดปรับปรุงและเปิดอย่างเป็นทางการอีกครั้งในวันที่ 14 กรกฎาคม 2555
ภายในได้รวบรวมสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆเกี่ยวกับวิถีชีวิตชาวเมืองตั้งแต่ปี พ.ศ. 2500 เอาไว้มากมาย ซึ่งของที่จัดแสดงส่วนใหญ่มาจากการบริจาคและซื้อหาจากรายได้เท่าที่มีเพื่อนำของใหม่ๆ มาเสริมให้ได้ชมกันอย่างเพลิดเพลินมากขึ้น เช่น เฟอร์นิเจอร์โบราณแบบเรียน ป้ายโฆษณา ขวดน้ำอัดลม แก้วน้ำฯลฯ โดยแบ่งพื้นที่การจัดแสดงออกเป็นบ้าน2 หลังด้วยกัน
บ้านพิพิธภัณฑ์หลังที่ 1 มี 3 ชั้น
- ชั้น 1 จัดเป็นร้านขายของเล่น ร้านขายของจิปาถะ ร้านขายยา ร้านขายของที่ระลึก ใครที่อยากให้พิพิธภัณฑ์แห่งนี้อยู่ไปนานๆ เพื่อให้ลูกหลานได้ชมของเก่าก็สามารถช่วยกันซื้อของที่ระลึกได้
- ชั้น 2 จัดเป็นโรงหนัง มีหนังเก่าฉายให้ได้ชมกันจริง ๆ โรงพิมพ์ในตรอกข้างโรงหนัง ร้านตัดผม – ตัดเสื้อ ร้านให้เช่าหนังสือนิยายร้านถ่ายรูปที่มีอุปกรณ์และฉากย้อนยุคให้ได้เก็บภาพประทับใจ ห้องครัวบ้านสุวัตถี และห้องจัดแสดงสิ่งของทั่วไป
- ชั้น 3 จัดเป็นห้องเรียน ห้องนายอำเภอร้านขายแผ่นเสียง – วิทยุโทรทัศน์โบราณ ร้านทอง และร้านสรรพสินค้า
บ้านพิพิธภัณฑ์หลังที่ 2
มีร้านกาแฟร้านขายของชาวบ้าน ร้านทำฟัน และร้านขายเครื่องเขียน หากอยากเพิ่มสีสันให้ทริปนี้ ลองแต่งตัวจัดเต็มสไตล์วินเทจไปถ่ายรูปตามมุมต่างๆ รับรองว่าคุณและคู่รักจะได้ภาพประทับใจที่รวมเอาไวซึ่งความสุข และความทรงจำดีๆ เพียบ
จากนั้นขับรถชมวิวต่ออีกประมาณครึ่งชั่วโมงจะถึงที่หมายถัดไปคือหอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) ภายในอาคาร 2 ชั้นมีพื้นที่ให้เข้าชม 3 ส่วน โดยมีเจ้าหน้าที่คอยบรรยาย ส่วนแรกคือพิพิธภัณฑ์ภาพยนตร์ไทย เป็นอาคารที่จำลองมาจากโรงถ่ายภาพยนตร์เสียงศรีกรุงที่รวบรวมสิ่งของและประวัติความเป็นมาเกี่ยวกับภาพยนตร์ไทยเอาไว้มากมาย
ชั้นแรกทางซ้ายเป็นพื้นที่โชว์สเลตและอุปกรณ์ประกอบฉากทั้งชิ้นเล็กชิ้นใหญ่ รวมถึงเสื้อผ้าจากภาพยนตร์เรื่องต่าง ๆ (ลองหันไปทายเล่น ๆ กับคนรักดูว่ารู้หรือไม่ว่ามาจากเรื่องไหน) ส่วนชั้น 2 เป็นนิทรรศการบอกเล่าประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไทยตั้งแต่ปี พ.ศ.2440 – 2540 และรวบรวมอุปกรณ์เกี่ยวกับการถ่ายภาพยนตร์ รวมทั้งเครื่องฉายภาพยนตร์ประเภทต่างๆ เอาไว้
จากชั้น 2 บันไดจะบังคับลงมายังห้องนิทรรศการอีกด้านหนึ่งซึ่งจัดเป็นฉากเคาน์เตอร์ลงทะเบียนผู้เข้าพักในภาพยนตร์เรื่อง โรงแรมนรก โดยมีหุ่นขี้ผึ้งคุณรัตน์ เปสตันยี ผู้สร้างภาพยนตร์ ตั้งเอาไว้ด้วย นอกจากนี้ยังกั้นเป็นห้องต่างๆ เพื่อแสดงขั้นตอนการผลิตภาพยนตร์ให้ผู้เข้าชมได้เห็นตั้งแต่ต้นจนจบ และยังมีโรงภาพยนตร์จำลองสมัยก่อนที่เหมือนจริงมากๆ ด้วย
เมื่อออกมาด้านนอกเจ้าหน้าที่จะพาไปชมนิทรรศการรถไฟหลวง ซึ่งภายในจัดแสดงเรื่องราวความเกี่ยวข้องระหว่างรถไฟกับภาพยนตร์ไทย ปิดท้ายด้วยการชมหอศิลป์ แนม สุวรรณแพทย์ หอศิลป์ที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก นอกจากนี้ที่นี่ยังมีห้องสมุดและโสตทัศนสถาน เชิด ทรงศรี และโรงภาพยนตร์ศรีศาลายาที่จัดฉายภาพยนตร์ให้คนทั่วไปได้เข้าชมด้วย
กิจกรรมสนุกๆ ที่คู่รักไม่ควรพลาด
โรงถ่ายแบล็คมารีอา ผู้เข้าชมสามารถร่วมกิจกรรมคนกินกล้วย โดยให้ผู้เข้าชมได้แสดงภาพยนตร์ในโรงถ่ายแห่งนี้ โดยมีคอนเซ็ปต์ว่าแสดงท่าทางอย่างไรก็ได้ แต่ต้องมีท่ากินกล้วยอยู่ในตอนท้าย
และก่อนจบฮันนีมูนสุดหรรษา แพรว wedding แนะนำให้แวะแอร์ออร์คิดส์ เพื่อหาซื้อดอกกล้วยไม้สายพันธุ์ดีติดไม้ติดมือกลับไปสักหน่อย ที่นี่มีห้องแล็บเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเองทำให้มีกล้วยไม้พันธุ์ต่างๆ มากมาย ที่สามารถเดินเลือกได้ด้วยตัวเองในพื้นที่กว้างขวางสะดวกสบายพร้อมกันนี้ยังมีไม้ประดับอื่นๆ อีกหลายรายการให้คุณเลือกซื้อไปเป็นที่ระลึกหรือของฝาก ทำให้เพียงแค่วันเดียวแต่กลับเปี่ยมล้นไปด้วยหลากหลายความทรงจำที่สวยงาม