ไม่มีอะไรเป็นอุปสรรคความรักของ จ๊ะจ๋า – พริมรตา เดชอุดม และ จิ๊บ – วสุ แสงสิงแก้ว ที่แม้อายุจะห่างกันถึง 16 ปี แต่ความรักที่ทั้งคู่หมั่นเติมความหวานให้กันอยู่ตลอด ที่สุดจึงถึงเวลาสำหรับการบินไปขอแต่งงานกันไกลถึงเมืองหลังคาโลกท่ามกลางหิมะโปรยปรายกับ แหวนเพชร ที่ว่าที่เจ้าสาวบอกว่า “ไม่ได้สำคัญที่มูลค่าแต่เป็นเหมือนสัญญาใจ” – เรื่อง Minim / ภาพ กัญชนิกา
Will you marry me?
จ๊ะจ๋า – พริมรตาออกตัวว่าเธอเป็นคนช่างสงสัย ฉะนั้นใครคิดจะเซอร์ไพร้ส์เธอนั้นยากมากๆ แต่ครั้งนี้ว่าที่เจ้าบ่าวทำสำเร็จค่ะ “ตอนแรกที่บอกว่าจะไปเที่ยวทิเบตกัน จ๊ะจ๋าก็คิดแหละว่าทริปนี้พิเศษ แอบคิดว่าเขาจะขอแต่งงานไหม ซึ่งจ๊ะจ๋าเป็นคนตรงๆ มีอะไรก็จะถามตลอด ก่อนไปก็ถามพี่จิ๊บว่าจะขอแต่งงานหรือเปล่า จ๋าต้องเตรียมชุดสีขาวไปไหม จองช่างภาพไหม (หัวเราะ) เพราะเห็นรูปเวลาคนอื่นขอแต่งงานกันเขาแต่งตัวสวยๆ ทั้งนั้นเลย แต่พี่จิ๊บยืนยันว่าไม่มีแน่นอน ไปเที่ยวกันเฉยๆ แถมไปกับทัวร์ด้วย เป็นไปไม่ได้หรอก แล้วก็บอกให้จ๊ะจ๋าไปเตรียมร่างกายออกกำลังกายด้วย เพราะที่โน่นอากาศหนาว เป็นที่สูง ออกซิเจนก็น้อย บางคนเป็นลมเลยนะ จึงทำให้เราหันไปสนใจเรื่องการเตรียมความพร้อมไปเที่ยวแบบเต็มตัว แต่ก็ยังไม่วางใจนะคะ คอยดูว่าเขามีแอบไปซื้อแหวนช่วงไหนหรือเปล่า ซึ่งปรากฏว่าก่อนเดินทางพี่จิ๊บทำงานทุกวัน มีเวลาเก็บ กระเป๋าแค่คืนก่อนเดินทางก็เลยหายสงสัยเรื่องนั้นไป”
“พอไปถึงก็ว่ากันตามปกติของโปรแกรมทัวร์เลยค่ะ ซึ่งการไปเที่ยวทิเบตไกด์มีข้อห้าม 3 ข้อคือ 1. ห้ามทำอะไรเร็ว ห้ามลุกเร็วเกินไป เพราะออกซิเจนน้อย ร่างกายจะปรับตัวไม่ทัน 2. ห้ามตะโกนเสียงดัง และ 3. อย่าตื่นเต้น เพราะหัวใจจะเต้นเร็วจนอาจช็อกได้ซึ่งอันตรายมากๆ เราก็โอเคทำทุกอย่างตามกฎ จนไปถึงยัมดร๊อก (Yumdrok-Tso) ซึ่งเป็นทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ที่สูงกว่าระดับทะเล 5,000 เมตร เราต้องพกออกซิเจนกระป๋องไปด้วย แต่พอไปถึงปรากฏว่าพี่จิ๊บทำทุกข้อห้ามเลยค่ะ ทั้งวิ่งบนเนิน จ๊ะจ๋าบอกว่าอย่าวิ่งๆ เขาก็บอกว่าวิวสวยมากๆ แล้วตะโกนเรียกให้ไปดู จากนั้นก็วิ่งไปที่เนินเขาอีกลูก เพราะว่าเขาชอบถ่ายรูปจึงเสาะหามุมสวยๆ เก๋ๆ ซึ่งตอนนั้นจ๊ะจ๋าตกใจกลัวเขาจะป่วย พยายามบอกเขาว่าอย่าวิ่งๆ แต่เขาก็ยังวิ่งไปเรื่อยๆ จนเห็นเขาตัวเล็กนิดเดียว กระทั่งไกด์มาบอกจ๊ะจ๋าว่าอีกสักพักต้องไปที่อื่นแล้วนะ เลยรีบเดินไปตามเขา ตอนนั้นยอมรับว่าหงุดหงิดมากๆ ค่ะ เพราะเกรงใจกลัวว่าคนอื่นๆ จะรอด้วย กลัวอันตรายด้วย แต่พี่จิ๊บก็ยังเรียกและจูงมือให้ขึ้นไปดูวิวข้างบน ระหว่างทางที่เขาจูงมือจ๊ะจ๋าไปเราบ่นเขาตลอดทางเลยนะ กระทั่งขึ้นไปแล้วเห็นวิวตรงหน้าถึงได้ใจเย็นลงเพราะสวยมากจริงๆ”
“เรายืนอยู่บนยอดเขา โอบล้อมด้วยท้องฟ้า และธงสีสันสดใสที่มาจากความเชื่อว่าถ้าอธิษฐานแล้วนำธงมาปักไว้ตรงนั้นจะโชคดี ซึ่งระหว่างที่เรากำลังอินกับบรรยากาศรอบตัว พี่จิ๊บก็พูดประมาณว่า เราคบกันมานานแล้วนะ…ตอนนั้นจ๊ะจ๋าตื่นเต้นมาก หูอื้อ ลมก็พัดแรง อากาศหนาวมาก จนฟังที่เขาพูดไม่รู้เรื่องเลยค่ะ กระทั่งเขาบอกว่า ‘แต่งงานกับพี่นะ’ จ๋าตอบว่า โอเค พี่จิ๊บบอกว่าไม่ใช่ๆ ตอบใหม่ เราจึงตอบไปว่า Yes (ยิ้ม)”
“จากนั้นเขาก็ถอดถุงมือออกให้แล้วสวมแหวน จังหวะนั้นน้ำตาไหลเลยค่ะ จ๋าเข้าใจความรู้สึกคนที่ถูกขอแต่งงานแล้วว่าเป็นอย่างไร เป็นความรู้สึกที่ทั้งดีใจ ตื่นเต้น ตื้นตัน พูดไม่ถูก รู้แต่ว่ามีความสุข เป็นความรู้สึกมหัศจรรย์ที่คนสองคนได้ตกลงอะไรกันบางอย่างท่ามกลางสถานที่สวยงามและมีความมหัศจรรย์ ซึ่งระหว่างที่เราเดินลงมาที่รถหิมะก็โปรยปรายลงมาตลอดทาง ท้องฟ้าเป็นใจมากๆ ค่ะ (ยิ้ม) และในที่สุดเขาก็เซอร์ไพร้ส์จ๊ะจ๋าสำเร็จ”
Symbols of Love
“ก่อนหน้านี้คุณแม่ของพี่จิ๊บ (สุดาชา แสงสิงแก้ว) มอบแหวนแต่งงานของท่านให้จ๊ะจ๋าไว้ เป็นแหวนเพชรรูปหัวใจ สวยงามและมีคุณค่ามากๆ จ๊ะจ๋าคิดว่าจะ ใช้เป็นแหวนแต่งงาน แต่สำหรับแหวนวงนี้ไม่รู้ว่าพี่จิ๊บแอบไปทำมาตอนไหนเหมือนกันค่ะ เป็นแหวนเพชร 7 กะรัต สวยมาก และไม่รู้ว่าเขาซ่อนไว้ในกระเป๋าเสื้อได้อย่างไร ซึ่งปกติจ๊ะจ๋าไม่ใส่แหวน และไม่ได้มีความรู้เรื่องเพชร มากนักจึงไม่ได้มีแบบที่คิดไว้ ยังถามพี่จิ๊บเลยว่ามีวงเล็กกว่านี้ไหม เพราะเราซุ่มซ่ามด้วย”
“สำหรับจ๊ะจ๋าแหวนไม่ได้สำคัญที่มูลค่า แต่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ว่าเราได้ตกลงใจ จะเป็นคู่ชีวิตกับคนนี้แล้วนะ”
อ่านเรื่องราวความรักของคู่รักคนดังได้อีกเพียบที่นี่ คลิกเลย!