หลังจากที่เราได้นำเสนอ ทรีทเม้นเพื่อผิวหน้าเจ้าสาวเรียบเนียน กันไปแล้ว อีกหนึ่ง ทรีทเม้น ยอดฮิต มาดูกันว่าคุณหมอผู้เชี่ยวชาญมีเคล็ดลับยังไงให้การสร้างรูปหน้าดูสวยธรรมชาติไม่หลอกตา แถมให้ผลลัพธ์ยาวนานที่สุด
บอกเลยว่ายุคนี้ คงไม่มีสาวๆคนไหนที่ไม่รู้จักโบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์ ซึ่งกลายเป็นทรีทเม้นยอดฮิตในการช่วยสร้างและปรับรูปหน้าว่าที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวให้ดูสวยสมส่วนไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ทว่าท่ามกลางคลินิกเสริมความงามที่มีให้เลือกมากมายในยุคนี้ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าคลินิกที่เลือกนั้นใช้โบท็อกซ์ที่มีคุณภาพ รวมทั้งแพทย์นั้นสามารถรู้เทคนิคการฉีดเข้ากล้ามเนื้อเพื่อให้ผลลัพธ์ได้ใบหน้าที่ดูเป็นธรรมชาติไม่หลอกตาและอยู่ได้ยาวนานไม่ใช่สวยอยู่ได้แค่แป๊บเดียวแล้วก็หายไป
แพรว wedding เลยไปคว้าตัว พญ.พิมพิดา วรัญญูรัตนะ จาก SLC Clinic มาให้ความรู้เรื่องโบท็อกซ์และฟิลเลอร์กับว่าที่เจ้าสาว เพื่อที่จะได้นำข้อมูลนี้ไปวางแผนเตรียมตัวสวยแบบไม่โดนหลอกแถมได้ผลลัพธ์ที่ดีกันค่ะ
Q: เจ้าสาวต้องวางแผนก่อนการปรับรูปหน้าอย่างไรบ้าง
A: สาเหตุของใบหน้าใหญ่หรืออ้วนนั้นเกิดจาก 2ส่วนหลักๆ คือกล้ามเนื้อและไขมัน ซึ่งสามารถฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดกล้ามเนื้อหรือไขมันได้ตั้งแต่ 3-6 เดือนก่อนวัน หลังจากฉีดแล้วจะมีอาการระบมและบวมประมาณ 2-3 เดือน เพราะฉะนั้นเจ้าสาวที่มีปัญหาเกี่ยวกับไขมันอาจต้องเตรียมตัวนานหน่อย ส่วนเจ้าสาวที่มีปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อมักจะไม่มีอาการบวมแต่อาจเกิดอาการยิ้มติดหรือยิ้มไม่เต็มที่ เนื่องจากการลดกล้ามเนื้อมัดใหญ่ในครั้งแรกอาจทำให้กล้ามเนื้อไม่ชินแต่จะเกิดในเปอร์เซ็นต์ที่ต่ำมากซึ่งมักเกิดกับคนที่ไม่เคยลดไซส์ของกล้ามเนื้อมาก่อน
ส่วนฟิลเลอร์แนะนำให้ทำที่คางเพราะจะทำให้หน้าดูเป็นรูปไข่ขึ้น ซึ่งเจ้าสาวที่ฉีดโบท็อกซ์ไม่ทัน การเติมคางก็จะช่วยให้ใบหน้าสมส่วนได้รูป โดยปกติฟิลเลอร์จะเห็นผลทันทีที่ฉีด ซึ่งหลังฉีดอาจจะเกิดรอยเขียวช้ำได้นิดหน่อย สามารถทำล่วงหน้าก่อนวันแต่งงานได้ประมาณ 1-2 สัปดาห์
Q: สิ่งที่ว่าที่บ่าวสาวต้องระวังสำหรับการเลือกฉีดโบท็อกซ์และฟิลเลอร์
แน่นอนว่าคุณหมอไม่แนะนำให้ฉีดโบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์ในราคาหลักพันเพราะอาจเสี่ยงต่อการเจอของปลอม และหากฉีดไปเรื่อยๆ อาจทำให้เกิดอาการดื้อยาคือฉีดไปแล้วไม่เห็นผลซึ่งหากตรวจพบอาจต้องหยุดฉีดไป 2-3 ปีถึงจะฉีดใหม่ได้ หรือบางคนที่ดื้อมากๆ อาจถึงขั้นต้องผ่าตัดเลยก็มี ซึ่งผลกระทบที่ร้ายแรงที่สุดคือเมื่อฉีดไปแล้วเกิดอาการบวมมาก เกิดจากโปรตีนที่ฉีดเข้าไปไม่บริสุทธิ์หรือโปรตีนไปทำปฏิกิริยาให้เกิดอาการแพ้ ซึ่งปฏิกิริยาต่อสารเคมีที่เข้าสู่ร่างกายของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน
Q: คำแนะนำสำหรับว่าที่เจ้าสาวที่อยากปรับรูปหน้า
A: อยากให้ว่าที่เจ้าสาวทุกคนคำนึงอยู่เสมอว่าอาจเกิดผลข้างเคียงจากการทำได้เพราะฉะนั้นจึงต้องวางแผนล่วงหน้าให้นานสักหน่อย หากเตรียมตัวล่วงหน้าได้ 1 ปีจะดีมาก และไม่ควรฉีดโบท็อกซ์ใกล้วันแต่งงานมากเกินไป โดยเฉพาะโบท็อกซ์เกี่ยวกับริ้วรอยในบริเวณจุดที่แสดงสีหน้า เช่น หางตาหรือหน้าผาก เพราะหากฉีดมากเกินไปจะทำให้หน้าแข็งไม่สามารถยิ้มหรือแสดงอารมณ์ความรู้สึกทางสีหน้าได้อย่างเต็มที่ ซึ่งหากเกิดอาการแบบนี้ในวันสำคัญคงไม่ดีแน่ค่ะ
วิธีการดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์
ภายใน 4 ชั่วโมงแรกหลังฉีดโบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์ งดการนอนราบทุกชนิดเพราะตัวยายังไม่ถูกดูดซึมเข้าสู่กล้ามเนื้ออย่างเต็มที่ ถ้าเรานอนราบจะทำให้ตัวยาเกิดการไหลเสียรูปข้างใต้ผิวหนังได้ รวมทั้งงดการออกกำลังกายทุกชนิดไปก่อน และไม่ควรอาบน้ำอุ่นด้วยค่ะ
ภายใน 2 อาทิตย์หลังฉีดโบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์ งดนวดหน้า งดการเข้าห้องซาวน่า เล่นโยคะร้อน หรือเอาใบหน้าไปอังความร้อนใดๆ เพราะจะมีผลต่อโบท็อกซ์และฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไป แต่สามารถอาบน้ำอุ่นได้ (อาจจะเว้นส่วนที่ฉีดโบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์) และออกกำลังกายชนิดอื่นๆ ได้ตามปกติ
สำหรับหลังการฉีดฟิลเลอร์ เพื่อช่วยให้ผลลัพธ์คงอยู่นานขึ้น ควรดื่มน้ำเยอะๆ อย่างสม่ำเสมอ และใช้สกินแคร์ประเภทที่ช่วยเติมความชุ่มชื่นให้ผิว
เป็นยังไงกันบ้างคะ รู้คำตอบจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกันแล้วว่าต้องเตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์กันยังไง รวมทั้งเทคนิคในการใช้เลือกคลินิกเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีคุณภาพ แต่สิ่งดีๆจากเรายังไม่จบแค่นี้ เรายังมีทรีทเม้นเจ้าสาวตัวเด็ดมานำเสนออีก 1 Episode ติดตามกันต่อไปนะคะ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Siam Laser Clinic (SLC) โทร. 0-2714-9555
ขอบคุณ แพทย์หญิง พิมพิดา วรัญญูรัตนะ Siam Laser Clinic