ขั้นตอนการเตรียมงานแต่งงานว่ายากแล้ว แต่สำหรับบางคู่นั้นขั้นตอนการเลือกชุดกลับยากกว่า ยิ่งโดยเฉพาะกับ ชุดแต่งงานไทย ที่มีหลากแบบ แถมยังมีหลากเฉดสี ทั้งชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวนี่สิ ทำเอาว่าที่บ่าวสาวหลายคนหัวหมุนกันเป็นแถวๆ เพราะชุดนั้นก็ชอบ สีนี้ก็ดี แต่เอ๊ะ…เลือกมาแล้วมันจะเข้ากันทั้งชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวหรือเปล่า เอาเป็นว่าลองมาอ่านเทคนิคการเลือกชุดไทยของบ่าวสาวให้ดูกันที่แพรว wedding นำมาฝากกันก่อนนะคะ อ่านจบแล้วรับรองว่าได้ชุดที่ถูกใจแถมดูเข้ากั๊นเข้ากันแน่นอน
1. คอนเซปต์หรือธีมงาน
ก่อนอื่นบ่าวสาวจะต้องดูจากคอนเซปต์งานหรือธีมงานของเราก่อนนะคะ ว่าเป็นงานแต่งไทยที่ไทยประมาณไหน ไทยมาก ไทยน้อย หรือไทยประยุกต์ เพื่อที่บ่าวสาวจะได้เลือกชุดตามคอนเซปต์งานได้อย่างถูกต้อง เพราะถ้าหากบ่าวสาวจัดงานแต่งไทยแบบสบายๆ ไม่เน้นพิธีการมาก แต่กลับใส่ชุดไทยจัดเต็มกันทั้งบ่าวสาว เราว่ามันก็ดูเก้ๆ กังๆ ยังไงๆ อยู่ จริงไหมคะ
2. สถานที่
ข้อนี้ก็มีความสำคัญไม่น้อย เช่น สถานที่เป็นบ้านเรือนไทยก็อาจจะเหมาะกับชุดไทยห่มสไบให้อารมณ์แม่หญิง แต่ถ้าหากสถานที่เป็นไทยแบบประยุกต์หรือโคโลเนียล ก็อาจจะเลือกเป็นชุดไทยสไตล์รัชกาลที่ หรือชุดไทยประยุกต์เพื่อให้ดูเข้ากันกับสถานที่ เป็นต้น ซึ่งนอกจากจะดูรูปแบบของสถานที่แล้ว เรื่องความสว่างหรือความมืดก็มีผลต่อการเลือกชุดไทยเช่นกันนะคะ เพราะถ้าหากเป็นเรือนไทยบ่าวสาวก็อาจจะต้องเลือกชุดไทยในโทนสว่างเพื่อให้ดูโดดเด่นขึ้นท่ามกลางสถานที่ที่มีแสงแบบเอ้าท์ดอร์ด้วย นอกจากนี้ บ่าวสาวอาจจะต้องใส่ชุดไทยที่เลือกแล้วมายืนคู่กันเพื่อดูภาพรวมอีกทีว่าสีของทั้งสองชุดนั้นเข้ากันหรือไม่ เมื่อยืนคู่กันแล้วส่งเสริมกันมากน้อยเพียงใด ถ้าทั้งสองคนยืนคู่กันแล้วดูสวยหล่อทั้งคู่ แถมยังเข้ากับสถานที่ สิ่งนี่แหละค่ะคือคำตอบ
3. เน้นชุดเจ้าสาวเป็นหลัก
เนื่องจากชุดไทยของเจ้าสาวมีหลากหลายเฉดสีมากกว่าคุณเจ้าบ่าว และอีกอย่างใส่ชุดไทยทั้งทีงานนี้ก็ต้องสวยให้สุดให้สมกับเป็นนางเอกของงานจริงไหมคะ เพราะฉะนั้นจึงเน้นที่เจ้าสาวเป็นหลักโดยดูที่สีผิว ว่าโทนสีผิวของเจ้าสาวนั้นเหมาะกับเฉดสีสไบสีไหน จากนั้นจึงนำกิมมิกจากชุดเจ้าสาวมาหยอดไว้ที่ชุดของเจ้าบ่าว โดยอาจจะเล่นกับเฉดสีของชุดก็ได้ด้วยเลือกสีของเนคไทหรือสีของโจงกระเบนให้เข้ากันกับชุดของเจ้าสาว เพื่อให้ลุคโดยรวมออกมาดูเข้ากัน ละเมียดละไมทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาว
โดยสีครีมทองเป็นสียอดฮิตเพราะดูหรูและสง่าแถมเจ้าสาวเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ใส่แล้วรอด ถ้าใจคุณชื่นชอบสีสันอย่างชมพูฟ้าส้ม ฯลฯ แต่ดันเป็นสาวไทยแท้ผิวเข้มกลัวว่าใส่แล้วจะตัดกับผิวฉึบฉับหรือเป็นสาวไทยเชื้อสายจีนตาตี่ผิวขาวซีดที่ใส่สีสดแล้วอาจดูเป็นอาเจ๊ ขอบอกว่าการเลือกสีโทนเบรกลงมาพอจะช่วยได้เช่นเลือกสีชมพูนู้ดๆ หรือสีกะปิแทนสีชมพูสดเลือกสีฟ้าอมเทาแทนสีฟ้าสดเลือกสีจำปาแทนสีส้มแจ๊ด ฯลฯ ทั้งหมดนี้ไม่ต้องกลัวหมองเพราะชุดไทยมักตัดเย็บจากผ้าไหมซึ่งมีความวาวและมีการปักดิ้นทอง ซึ่งจะช่วยขับผิวให้ดูผ่องขึ้น ถ้าจะให้ชัวร์ควรเอาผ้ามาทาบกับตัวเลยว่าเหมาะกับผิวไหม
4. รูปแบบของชุด
ชุดไทยของเจ้าสาวมีหลายแบบมาก ไม่ว่าจะเป็น ชุดไทยพระราชนิยมหรือชุดไทยประยุกต์ ซึ่งเจ้าสาวนั้นจะต้องตัดสินใจเลือกชุดไทยของตัวเองให้ก่อน แล้วจึงเคาะเลือกรูปแบบชุดไทยของเจ้าบ่าว เช่น หากเจ้าสาวเลือกสวมชุดไทยแบบโบราณ หรือชุดไทยพระราชนิยม เจ้าบ่าวอาจจะนุ่งเป็นโจงกระเบนเพื่อให้ดูแมตช์กับชุดของเจ้าสาวและยังได้อารมณ์วินเทจย้อนยุคอีกด้วย แต่ถ้าเจ้าสาวเลือกสวมเป็นชุดไทยประยุกต์ เจ้าบ่าวก็สามารถใส่สูทคู่กับชุดนี้ได้แบบไม่ต้องเคอะเขิน แถมยังเป็นลุคที่เหมาะกับบ่าวสาวยุคใหม่อีกด้วย
เอาเป็นว่าหากเจ้าสาวเลือกชุดได้แล้วก็อย่าลืมหันมาดูคนข้างๆ ด้วยนะจ๊ะ เพราะส่วนใหญ่แล้วเจ้าบ่าวมักจะโนไอ-เดีย ใส่อะไรก็ได้ มีบ้างที่งอแงไม่ยอมใส่ชุดไทยเพราะเขิน ซึ่งอาจพบกันครึ่งทางด้วยชุดเจ้าบ่าวไทยประยุกต์ ท่อนบนเป็นสูทท่องล่างเป็นโจงกระเบน หรือท่อนบนเป็นเสื้อราชปะแตนท่อนล่างเป็นสแล็คก็ตามสะดวก แต่เพื่อความสวยงาม แนะนำให้เจ้าบ่าวเลือกคู่สีที่เข้ากับสีชุดของเจ้าสาวหรือมีสีที่ลิงค์กับชุดเจ้าสาวอยู่ในตัวบ้าง ไม่จำเป็นต้องเป็นสีเดียวกันเป๊ะ ถ้าคนหนึ่งใส่โทนอ่อนอีกคนควรเป็นโทนเข้มเพื่อความลงตัวเช่นชุดเจ้าสาว สีครีมทอง – ชุดเจ้าบ่าวสีเบจชุดเจ้าสาวสีชมพู–ชุดเจ้าบ่าวสีเทาหรือน้ำตาลช็อกโกแลต เป็นต้น
Read More : ‘เคียนนมห่มสไบ’ สวยตามแบบฉบับหญิงไทยด้วยชุดแต่งงานไทยโบราณ
ภาพเปิด : งานแต่งคุณมีมี่ & คุณโก้ ถ่ายโดย SITPHOTOGRAPH