เตรียม งบงานแต่ง ไม่ยากอย่างที่คิด เรามีเทคนิคดีๆ มาฝาก
หลังจากที่คุณคุกเข่าขอแต่งงานและเซย์เยสกันไปเรียบร้อยแล้ว ชีวิตก็ไม่ได้จบอยู่แค่นั้น เพราะเรื่องปวดหัวก่อนจะพบความสุขกำลังเริ่มเดินหน้าเข้ามาทีละอย่าง โดยเฉพาะคำถามแรกที่คุณต้องเจอกับตัวเองก็คือ “งานแต่งเราต้องใช้งบเท่าไหร่กันล่ะ?” วันนี้ใครที่กำลังคิดไม่ออกว่างานแต่งตัวเองจะต้องใช้เงินเท่าไหร่ แพรวเวดดิ้งมี 5 วิธีคิด งบงานแต่ง ง่ายๆ มานำเสนอ
1. งานแต่งแบบไหนที่คุณอยากได้?
คำถามแรกที่คุณจะต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนก็คือ “อยากจะจัดงานแต่งแบบไหน?” คิดง่ายๆ เลยก็ได้ว่า ธีมงานแต่งที่คุณชอบและอยากได้เป็นอย่างไร ต้องการจัดในสถานที่แบบไหน เช่น อยากได้งานหรูหราฟู่ฟ่าในห้องแกรนด์บอลรูมของโรงแรมดัง หรืออยากจะเป็นงานชิลๆ สบายๆ ในสวนหรือริมทะเล แบบนี้ก็จะช่วยให้คุณกะเกณฑ์งบประมาณส่วนใหญ่ที่ต้องใช้ในงานแต่งได้แล้ว
แถมอีกนิดเพื่อให้เข้ากับวัฒนธรรมการแต่งงานในบ้านเราคือ เรื่องสินสอดทองหมั้น คุณควรจะรู้ว่า ฝ่ายเจ้าสาวเรียกอะไรและเท่าไหร่บ้าง (จริงๆ คิดก่อนตั้งแต่แรกได้จะดีมาก) เพราะบางครั้งเงินส่วนนี้ก็รวมอยู่ในงบงานแต่งเหมือนกันนะ
2. จะเชิญแขกเท่าไหร่?
ถ้าให้พูดกันถึงค่าใช้จ่ายหลักๆ ในงานแต่ง นอกจากข้อ 1 ที่ว่าไปแล้ว เรื่องจำนวนแขกก็เป็นตัวชี้งบประมาณที่สำคัญเหมือนกันนะคะ ดังนั้นคุณควรจะคิดคำนวณไปเลยว่าแขกของทั้งสองครอบครัว (รวมแขกของพ่อแม่ด้วยนะ) มีเยอะหรือไม่ งานแต่งที่คุณจัดจะใหญ่โตเชิญแขกมากมายขนาดไหน จะเชิญสัก 1,000 คน หรือจะจัดเล็กๆ เชิญแขกแค่ 200 คนก็พอ เพราะแน่นอนว่าค่าใช้จ่ายจะแปรผันตามจำนวนแขกที่คุณเชิญมา ทั้งค่าการ์ด ค่าของชำร่วย ค่าอาหาร ค่าเครื่องดื่ม และอีกจิปาถะก็จะมากขึ้นตามจำนวนแขก (ซึ่งแน่นอนอีกเช่นกันว่าถ้าแขกเยอะคุณอาจจะได้กำไรจากซองที่แต่ละคนใส่มาก็ได้นะ อิอิ!)
3. ใช้ Wedding Tools ให้เป็นประโยชน์
เครื่องมืออำนวยความสะดวกสำหรับว่าที่บ่าวสาวในการจัดการงบประมาณที่ใช้เตรียมงานแต่ง ถ้าคุณมีเวดดิ้งทูลส์เจ๋งๆ ไว้ใช้สักอัน มันก็จะทำให้คุณเรียงลำดับความสำคัญของเงินที่คุณจะต้องจ่ายได้อย่างถูกต้อง อันไหนควรจ่ายก่อน อันไหนควรจ่ายหลัง อันไหนต้องจ่ายเมื่อไหร่ แบบนี้รับรองว่าไม่งงและเงินไม่หาย งบไม่บานแน่นอน
4. จะมีใครช่วยจ่ายมั้ยนะ?
อู้ยยยยย! คุณค่ะ สมัยนี้แต่งงานทั้งทีหมดเงินไม่ใช่น้อย ถ้าคุณเป็นลูกรักหลานรักของครอบครัว ก็ลองเกริ่นๆ กันในแวดวงพ่อแม่ลุงป้าน้าอาดูบ้างซิว่า “งานนี้จะมีใครช่วยเป็นสปอนเซอร์ไหมคะ/ครับ?” แหม…เราก็ไม่ได้หมายความว่าให้คุณเอาจากพวกท่านทุกบาททุกสตางค์นะคะ บางครั้งบางทีความใจดีอาจไม่ได้มาในรูปของเงินก็ได้ เช่น อาจจะมาในรูปแบบของชำร่วยหรืออาหาร เป็นต้น แบบนี้คุณก็จะสามารถกะเกณฑ์งบประมาณได้ง่ายขึ้นไปอีกนะ
5. ทำลิสต์สิ่งของที่จำเป็นต้องใช้
เราขอแนะนำให้คุณนั่งคิดนอนคิดก่อนนะคะว่างานแต่งของคุณจะต้องมีอะไรบ้าง เช่น แบ็กดรอปดอกไม้สีหวาน โซฟาหลุยส์สีทองใช้เป็นพร้อบส์เก๋ๆ หรือจะมีน้ำพุพุงปรี๊ดๆ หน้างาน แบบนี้เป็นต้น หลังจากมโนเสร็จก็เริ่มลิสต์ออกมาทีละอย่าง เรียงลำดับตามความจำเป็น ที่สำคัญต้องระบุลงไปด้วยว่าของแต่ละอย่างคุณจะยอมจ่ายมากสุดเท่าไหร่ เพราะเมื่อเวลาที่คุณไปหาซื้อของหรือติดต่อกับผู้ให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นคนขายของหรือเวดดิ้งแพลนเนอร์ก็ตาม คุณจะมีราคาที่คุณรับได้ในใจและสามารถต่อรองราคากับพวกเขาได้ด้วย แต่ถ้าของชิ้นไหนแค่มีประดับให้สวยงามแต่ดูแล้วไม่จำเป็นต้องเสียเงินก็อย่าได้แคร์ ใช้ปากกาแดงกากบาททิ้งได้เลยจ้ะ
เรื่องงบประมาณงานแต่งถือเป็นเรื่องสำคัญและละเอียดอ่อนสุดๆ เนื่องจากทุกบาททุกสตางค์ที่คุณต้องจ่ายมันมีค่ามาก เพราะฉะนั้นตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่างานแต่งในแบบที่คุณอยากได้เป็นแบบไหนและต้องใช้เงินเท่าไหร่ แล้วเริ่มต้นทำตาม 5 ข้อข้างบน รับรองเลยว่าการตั้งงบประมาณงานแต่งจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
หรือจะลองทำตามนี้ จัดเงินให้เป๊ะก่อนจัดงานแต่ง…จัดได้ดีชีวิตนี้ไม่มีหนี้ ดูก็ได้นะคะ
เรียบเรียง : www.brides.com
ภาพ :venuelogicchicago.com, toptableplanner.com, Pinterest