จากประสบการณ์ไปร่วมงานแต่งอันโชกโชนของเราที่ผ่านมา ไฮไลท์เด็ดที่ขาดไม่ได้สำหรับงานเช้าก็คือ “พิธีกั้นประตูเงินประตูทอง” เพราะว่าลีลาท่าทางการต่อรองขอผ่านประตูของฝั่งเจ้าบ่าวแต่ละคนนั้น บอกเลยว่าเด็ดสะระตี่สุดๆ บางคนกว่าจะผ่านแต่ละประตูได้ก็เล่นเอาเหงื่อตกอยู่เหมือนกัน ใครที่ไม่อยากผ่าน ประตูเงินประตูทอง แบบเหนื่อยจนหอบแฮ่กๆ มาทางนี้ค่ะ เรามีเทคนิคการพูดขอผ่านด่านประตูที่คุณควรรู้มาบอก
1. อย่ามองข้ามอายุของผู้กั้นประตู
แหม… เรื่องแบบนี้ก็ต้องยอมรับกันหน่อยนะคะว่าคนกั้นประตูไม่ได้มีแต่สาวๆ สวยๆ ที่เป็นเพื่อนเจ้าสาวอย่างเดียว บางครั้งก็มีเด็กตัวน้อยๆ รวมถึงญาติผู้ใหญ่มาช่วยกั้นด้วย เพราะฉะนั้นถ้าอายุต่างกัน การพูดจาก็ต้องต่างกันด้วย ซึ่งถ้าอยากผ่านประตูแบบฉลุยขอแนะนำว่าที่เจ้าบ่าวดังนี้ค่ะ
– ระดับผู้ใหญ่และวัยกลางคน
การพูดกับคนกลุ่มนี้เรามีแพทเทิร์นตามประเพณีไทยมาฝาก คือ “วันนี้ฤกษ์งามยามดีเศรษฐีเอาแก้วมาเกย เอาเขยมาฝากขอผ่านไปหน่อยได้ไหมครับ” อันนี้ผู้พูดควรเป็นผู้ใหญ่ที่เราเชิญมาเป็นเถ้าแก่นะคะ
– ระดับวัยรุ่นและเด็ก
สำหรับการพูดกับคนกลุ่มนี้ไม่จำเป็นต้องเนี๊ยบเป๊ะๆ แบบกลุ่มผู้ใหญ่และวัยทำงานก็ได้ค่ะ อาจจะพูดว่า “วันนี้แห่ขบวนขันหมากมาสู่ขอเพื่อนเธอ หรือพี่สาวเธอ ขอผ่านไปหน่อยได้ไหมจ๊ะสาวๆ” แบบนี้ก็จะช่วยสร้างบรรยากาศสนุกสนานและดูไม่เกร็งจนเกินไปนัก
2. อ่อนหวานและอ้อนเข้าไว้
ในกรณีที่ฝ่ายเจ้าบ่าวเจอด่านหิน หรือเจอพวกสาวๆ ยื่นเงื่อนไขยากๆ อย่างเช่น วิดพื้น 100 ที กระโดดตบ 100 ครั้ง แบบนี้คงลมจับ ไม่ได้เห็นหน้าเจ้าสาวกันพอดี คราวนี้แหละค่ะ ทั้งเถ้าแก่และเหล่าเพื่อนเจ้าบ่าวอาจจะต้องช่วยกันต่อรองด้วยวาจาแสนอ้อนให้เหลือสัก 10 ทีก็พอ อย่าให้เจ้าบ่าวต้องเหงื่อโชกหมดหล่อ หรือถ้าใครเจอให้บอกรักดังๆ (ทำกันแทบทุกงาน) ตะโกนจนสุดเสียงแล้วพวกนางก็ยังขอฟังอีก แนะนำว่าให้พูดด้วยสายตาแพรวพราวและน้ำเสียงนุ่มๆ ไปเลยว่า “ขอไว้กระซิบบอกกันสองคนแล้วกันนะ” ฮิ้ววว… รับรองว่าผ่านชัวร์!
3. ระวัง! อย่าพูดประโยคเหล่านี้เด็ดขาด!
ถึงแม้ว่าด่านจะเยอะ คนกั้นจะมาก แถมเงื่อนไขแต่ละอย่างช่างยากเย็น ก็ขอให้เจ้าบ่าวนึกถึงหน้าเจ้าสาวสุดที่รักเข้าไว้นะจ๊ะ อย่าได้เผลอหลุดออกมาว่า “โอ้ย..ยาก! ใครจะทำไหว กลับดีกว่า” หรือ “รู้งี้ไม่มาดีกว่า” แบบนี้มีหวังจบเห่ไม่ได้แต่งแน่นอน รวมถึงให้คุณเจ้าบ่าวนึกไว้ว่า คนที่มายืนกั้นประตูถึงแม้จะไม่ใช่ญาติเจ้าสาว แต่เขาเหล่านั้นล้วนเป็นคนสนิทชิดเชื้อและเอ็นดูเจ้าสาวของคุณมาก เพราะฉะนั้นห้ามพูดเด็ดขาดว่า “พวกเธอไม่ใช้ญาติไม่มีสิทธิ์มากั้น” แบบนี้ถือว่าเสียมารยาทเหมือนกันนะจะบอกให้
4. งานเข้า! เมื่อประตูมีมากกว่าซองที่เตรียมมา
สถานการณ์งานเข้าแบบซองไม่พอเกิดขึ้นได้เสมอค่ะ เจ้าบ่าวหลายคนคงคิดว่า “ผมก็เตรียมมาเผื่อแล้วนะ คนกั้นโผล่มาจากไหนเยอะแยะหว่า?” เอาเป็นว่าอย่าเพิ่งหัวเสียไปค่ะ ซองไม่พอให้ก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้ฝ่ายเจ้าบ่าวจำประโยคทริคเล็กๆ ต่อไปนี้ไว้ให้ดี “จริงๆ แล้วผมเตรียมซองมาเยอะนะครับ แต่เจ้าสาวเป็นที่รักของทุกคน จึงมีคนกั้นประตูเยอะ วันนี้เงินสดเตรียมมาเท่านี้ ขอผ่านไปก่อนแล้วจะเขียนเช็คให้แทนนะครับ” เจอประโยคนี้เข้าไปทั้งดูเท่ดูหล่อ ร้อยทั้งร้อยเดินผ่านฉลุยไม่ติดขัดสักประตูเดียว! (แต่จะเขียนให้จริงหรือไม่ก็ไปพิจารณากันอีกทีเนอะ อิอิ!)
แถมคำเตือนไว้ให้ฝ่ายเจ้าบ่าวสักหน่อยว่า ระวัง! สาวกั้นประตูขั้นแอดวานซ์ ที่มักจะชอบทำเซอร์ไพร้ส์ หยิบ “mPOS” หรือที่รู้จักกันในนาม “เครื่องรูดบัตรเครดิตแบบพกพา” ขึ้นมาต่อหน้า คราวนี้ฝ่ายเจ้าบ่าวต้องคิดให้ดีๆ และนึกถึงวงเงินในบัตรก่อนจัดการรูดปรื๊ดๆ นะจ๊ะ
5. ต้องคุมเวลาให้เป็นไปตามฤกษ์ที่กำหนดไว้ด้วย
อย่างที่บอกไปค่ะว่า ช่วงต่อรองขอผ่านประตูเงินประตูทองนั้นเป็นช่วงที่เฮฮาสนุกสนานที่สุด บางครั้งอาจจะกั้นหลายประตูหรือว่าเพลินเกินไปจนเลยฤกษ์ เพราะฉะนั้นต้องควบคุมเวลาการต่อรองในแต่ละประตูให้ดี รวมถึงฝ่ายเจ้าบ่าวควรแจ้งเวลาตามฤกษ์ที่กำหนดไว้กับคนกั้นประตูก่อนขันหมากจะมาถึงบ้านเจ้าสาวสักเล็กน้อยก็ดีค่ะ ฝ่ายเจ้าสาวเขาจะได้จัดสรรกันว่าจะลดประตูไหนบ้างเพื่อให้เจ้าบ่าวเข้าไปรับเจ้าสาวได้ทันฤกษ์ยามที่วางไว้
เจ้าบ่าวคนไหนที่อยากผ่านด่านประตูเงินประตูทองง่ายๆ เพื่อไปเจอหน้าเจ้าสาวสุดที่รักไวๆ ก็ลองนำ 5 ข้อนี้ไปใช้ดูนะ รับรองเลยว่าผ่านฉลุย!
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : ร้อยโท วิชัย เมืองนก
ภาพจาก : Sitphotograph
Read More : แก้ปัญหา 6 ช่วงพิธีการติดขัดในงานแต่งไทยยังไงให้ลื่นปรืด