นับถอยหลังตามฝันวันวิวาห์ กับการ 3 สเต็ปการวางแผนแต่งงาน

จัดระเบียบความคิด + ลำดับความสำคัญเพื่อ วางแผนแต่งงาน ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

ขึ้นชื่อว่า “ว่าที่เจ้าสาว” ใครๆ ก็อิจฉาว่าคงมีความสุขราวกับเจ้าหญิง และ วางแผนแต่งงาน อย่างมีความสุข แต่!! ในโลกแห่งความจริง (ที่คนโสดไม่เคยรู้) คือหลังจากโมเม้นต์หวานๆ ตอนคุณแฟนขอแต่งงานแล้ว มันคือการนับถอยหลังสู่วันวิวาห์ในฝันที่ต้องใช้ทักษะการจัดการขั้นเทพ!! แพรว wedding เลยจัดขั้นตอนการเตรียมการวางแผนจัดงานแต่งมาให้แบบสเต็ปบายสเต็ป

สเต็ป 1 : รีบทำเลยจ้า

วางแผนแต่งงาน

หาฤกษ์ เป็นสิ่งแรกที่ต้องรู้ ส่วนจะใช้ฤกษ์ดีหรือฤกษ์สะดวกก็ตามความเชื่อของครอบครัวเลยจ้า

กำหนดงบประมาณ เรื่องนี้จำเป็นมาก เพราะคงไม่มีใครอยากเริ่มต้นชีวิตคู่ด้วยหนี้ก้อนใหญ่หรอกจริงไหมคะ เมื่อกำหนดงบรวมของงานแล้วค่อยแบ่งว่าจะใช้จ่ายกับแต่ละส่วนมากน้อยแค่ไหน ซึ่งงานนี้แพว wedding ไม่สามารถบอกบ่าวสาวได้นะคะว่าคุณควรจะใช้จ่ายงบกับอะไรบ้าง เพราะแต่ละคู่ให้ความสำคัญกับสิ่งต่างๆ ไม่เท่ากัน เช่น บางคู่อาจเน้นอาหารหรูก็ใช้จ่ายกับการจัดเลี้ยงเป็นหลัก หรือบางคู่เน้นการตกแต่งก็ทุ่มกับค่าสถานที่ ดอกไม้ และพร้อพส์ต่างๆ ซึ่งการตั้งงบในแต่ละส่วนนอกจากช่วยให้งบไม่บานปลายในภายหลังแล้ว ยังช่วยให้เราตัดสินใจเลือกสิ่งต่างๆ ได้ง่ายขึ้นด้วย…ก็ถ้ามันเกินงบมากก็ต้องตัดใจเนอะ ถึงแม้จะ #ร้องไห้หนักมาก ก็ตาม

กำหนดจำนวนแขกคร่าวๆ จะได้รู้สเกลงานและรู้ว่าต้องหาสถานที่ใหญ่-เล็กขนาดไหน

คิดธีมงาน สำหรับคู่ที่อยากมีธีมงานเป็นพิเศษอาจจะต้องเริ่มหาข้อมูลว่าอยากได้แนวไหน

ซึ่ง 4 ข้อนี้บ่าวสาวจำเป็นต้องทำและคิดให้ได้ก่อน เพราะเป็นเงื่อนไขที่จำเป็นในการเตรียมงานในสเต็ปต่อไป ซึ่งก็คือการจองสถานที่จัดงานแต่งนั่นเอง

 

สเต็ป 2 : รีบไม่แพ้กัน

วางแผนแต่งงาน

จองสถานที่ อย่าลืมว่าใน 1 เดือนมีฤกษ์ดีแค่ไม่กี่วัน และยิ่งถ้าเป็นศุกร์หรือเสาร์ที่ฤกษ์ดีด้วยแล้ว ตัวเลือกก็จะยิ่งน้อยลงไปอีก นี่จึงเป็นสาเหตุที่บ่าวสาวบางคู่ต้องจองสถานที่กันแบบข้ามปีเลยทีเดียว ดังนั้นเมื่อบ่าวสาวได้ฤกษ์มาแล้วจงรีบไปดูสถานที่ให้เร็วที่สุด ซึ่งสถานที่นั้นจะต้องเหมาะสมกับจำนวนแขกที่จะเชิญมางาน งบ และธีมงานด้วยนะ แต่ที่สำคัญที่สุดคือสถานที่นั้นจะต้องว่างในวันที่บ่าวสาวจัดงานด้วยนะจ๊ะ

จองตัวกูรู ไม่ว่าจะเป็น ช่างแต่งหน้า ช่างทำผม ช่างภาพพรีเวดดิ้ง ช่างภาพในวันแต่งงาน เพราะช่างดังๆ ทั้งหลายก็คิวแน่นไม่แพ้โรงแรมเลยนะจ๊ะขอบอก แถมมักจะคิวเต็มในวันฤกษ์ดีเช่นกัน

และหากบ่าวสาวคิดจะใช้บริการเวดดิ้งแพลนเนอร์ด้วยแล้วล่ะก็ต้องรีบติดต่อตั้งแต่ช่วงหากูรูด้วยเช่นกัน ซึ่งบ่าวสาวจะต้องมีโจทย์ให้กับเวดดิ้งแพลนเนอร์ด้วยว่า จะแต่งวันไหน สเกลงานใหญ่หรือไม่ และงบเท่าไหร่ จากนั้นก็เลือกใช้บริการเจ้าที่ชอบและถูกใจเพื่อขอคำแนะนำได้เลย หรือบางคู่อาจจะจองเวดดิ้งแพลนเนอร์ก่อนสถานที่ด้วยซ้ำ เพื่อให้เวดดิ้งแพลนเนอร์ช่วยแนะนำสถานที่จัดงานแต่งงานที่เหมาะสมให้

ถ้าคุณได้ฤกษ์สุดฮอตและสถานที่ที่เล็งไว้เต็มหมด บ่าวสาวมี 2 ทางเลือกคือ (1) จัดพิธีรดน้ำสังข์ที่บ้านตามวันฤกษ์ดี แล้วจัดพิธีฉลองตามฤกษ์สะดวก เพราะการรดน้ำสังข์ถือว่าบ่าวสาวได้แต่งงานกันถูกต้องตามประเพณีเรียบร้อยแล้ว หรือ (2) มองหาสถานที่นอกกระแส เช่น ศูนย์ประชุม สโมสร หรือร้านอาหารสวยๆ เพื่อจัดงานให้ตรงกับวันฤกษ์ดี”

 

สเต็ป 3 : จัดการตามสเต็ป

ส่งที่ต้องเผื่อเวลาเยอะหน่อย

หาชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว หากตัดใหม่หรือเช่าตัดจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 เดือนขึ้นไป โดยเฉพาะหากบ่าวสาวใช้บริการร้านดังๆ ก็อาจจะใช้เวลานานกว่านี้ไปอีก

หาแหวน กว่าจะได้เพชรน้ำดีที่เหมาะกับเงินในกระเป๋าไม่ใช่เรื่องง่ายนะจ๊ะ เพราฉะนั้นบ่าวสาวจะต้องเผื่อเวลาในการเสาะหาและสั่งทำตัวเรือนกันไว้สักหน่อยก็ดี ส่วนการเผื่อเวลาจะมากน้อยแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับความถูกใจส่วนตัวของบ่าวสาว เพราะบางคู่เข้าไปร้านแรกแล้วเจอเพชรน้ำงาม หรือแหวนที่ถูกใจเลยก็มี หรืองานนี้บ่าวสาวอาจจะเริ่มมองหาไปพร้อมๆ กับชุดแต่งงานเลยก็ได้นะคะ

ถ่ายพรีเวดดิ้ง และเตรียมทำพรีเซ้นต์เทชั่น (ถ้ามี) เพราะทั้งสองสิ่งนี้มีการทำงานหลายขั้นตอน และต้องใช้เวลาในการปรับแก้หรือปรับไฟล์ภาพดวย เพราะฉะนั้นควรเผื่อเวลาไว้อย่างน้อยสัก 3 เดือนก่อนถึงวันงานจะอุ่นใจมากกว่านะคะ

การ์ดเชิญ ต้องเผื่อเวลาสำหรับการสั่งพิมพ์และการจัดส่งด้วย ซึ่งรีบจัดการให้เสร็จภายใน 3 เดือนก่อนถึงวันแต่งงานก็ดีน้า

รายละเอียดการตกแต่ง ข้อนี้ต้องใช้เวลาในการปรับแต่ง และติดต่อทีมงาน เพราะฉะนั้นต้องเตรียมการล่วงหน้า 2 เดือนขึ้นไปนะ

ทำสวยเสริมหล่อ สำหรับสาวๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหรือผิวพรรณล้วนต้องใช้เวลาในการอัพเลเวลทั้งสิ้น ซึ่งการค่อยๆ ทำอย่างมีวินัยจะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และยังเป็นผลลัพธ์ที่ยั่งยืนกว่าการใช้ตัวช่วยอีกด้วย ที่สำคัญหากบ่าวสาวเกิดพลาดพลั้งเกิดอาการแพ้สิ่งใดสิ่งหนึ่งก็ยังพอที่จะแก้ไขและฟื้นฟูได้ทันการก่อนถึงวันแต่งงานอีกด้วย

สิ่งที่ไม่ต้องเผื่อเวลามากนัก

สั่งซื้อหรือเช่าข้าวของที่ต้องใช้ในพิธี เช่น ชุดขันหมาก มาลัย ของใช้ในพิธีปูเตียง ชุดเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาว

หาของชำร่วย เพราะส่วนใหญ่มีขายแบบกึ่งสำเร็จรูป คือทางร้านจะมีของอยู่แล้ว ซึ่งบ่าวสาวสามารถสั่งซื้อกับทางร้านได้เลย พร้อมให้ทางร้านบรรจุใส่แพ็คเกจจิ้งพร้อมติดโลโก้ชื่อของบ่าวสาว ซึ่งใช้เวลาไม่นานมาก หรือบ่าวสาวจะซื้อมาแล้วชวนเพื่อนๆ มาชวนแพ็คช่วยติดโลโก้กันเองก็ได้ แต่ถ้าหากบ่าวสาวอยากได้ของชำร่วยเอ็กซ์คลูซีฟแบบสั่งทำ งานนี้ก็ต้องเผื่อเวลากันหน่อยนะ โดยอาจจะสั่งทำพร้อมกับการการ์ดเชิญไปเลยก็ได้

ซึ่งบ่าวสาวจะต้องทำการคอนเฟิร์มทุกสิ่งเป็นครั้งสุดท้ายก่อนถึงวันแต่งงานประมาณ 5-7 วัน บ่าวสาวควรโทรคอนเฟิร์มรายละเอียดต่างๆ กับทีมงานทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการจัดงานแต่งของคุณอีกครั้ง รวมทั้งยืนยันวันรับของที่สั่งซื้อหรือเช่าไว้ให้เรียบร้อย ซึ่งแต่ละคู่จะมีเวลาไม่เท่ากัน เพราะฉะนั้นลองคำนวณดูจากวันนี้จนถึงวันแต่งงานว่าคู่ของคุณเหลือเวลาอีกเท่าไหร่ แล้วเอาสิ่งที่ต้องทำหยอดไปตามลำดับก่อน-หลัง อะไรที่เร่งด่วนให้ทำก่อน ตามมาด้วยสิ่งที่ต้องเผื่อเวลามากหน่อย แล้วจึงต่อด้วยสิ่งที่ไม่ต้องเผื่อเวลามากนัก เท่านี้การเตรียมงานแต่งที่แสนยุ่งยากก็ไม่ปวดหัวอีกต่อไปแล้ว วางแผนงานแต่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่าลืม 8 เรื่องที่บ่าวสาวควรบอกแขกก่อนถึงวันแต่งงาน ด้วยนะ

ภาพ StockSnap.io

Recommended