มารยาทต้องรู้ 10 ประโยคไม่ควรพูดในงานแต่งคู่รักเพศเดียวกัน

ถึงแม้ว่าตอนนี้เรื่องรักๆ ใคร่ๆ จะเปิดกว้างมากขึ้น ถึงขนาดว่ามีคู่รักเพศเดียวกันประกาศตัวแต่งงานกันอย่างกว้างขวาง แต่สำหรับในสังคมไทย อาจยังเป็นเรื่องใหม่ที่ทำให้บรรดาแขกวางตัวไม่ถูกเมื่อถูกเชิญไปร่วมงาน แต่นั่นไม่สำคัญเท่าตอนที่ตัดสินใจไปยินดี คุณจะรู้มารยาทแค่ไหนว่าอะไรควรพูดอะไรไม่ควรพูดเมื่อต้องเผชิญหน้ากับคู่บ่าวสาวที่คุณเรียกว่า ‘คู่รักเพศเดียวกัน’ ตรงหน้า

แพรว Wedding สรุปมาบอกให้รู้กับ 10 สิ่งที่คุณต้องจำให้ขึ้นใจว่า เป็นมารยาทที่ควรรู้ว่าอย่าได้เปิดปากพูดออกไปต่อหน้าเจ้าภาพในงานแต่งงานเด็ดขาด

ภาพจาก : www.theguardian.com

1. ‘ใครเป็นผัว-ใครเป็นเมีย’ แม้ในสภาวะปกติคุณอาจจะเคยพูดแซวเล่นกับเพื่อนเก้งกวางด้วยประโยคนี้ แต่เมื่อถึงวันแต่งงาน อย่าได้นึกครึมใจส่งมุกนี้ไปเด็ดขาด เพราะอย่าลืมนะคะว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องลับๆ ของสองคนถ้าเขาจะแบ่งบทบาทหรือสลับกันบ้างก็เป็นเรื่องส่วนตั๊วส่วนตัว และอย่าลืมว่า ในงานแต่งงานมีคนมากมาย ควรไว้หน้ากันบ้าง

2. ‘นี่แต่งกันจริงจังป่ะ’ โอ๊ย…คุณคะ ไม่แต่งแล้วเขาจะเสียเงินตั้งมากมายจัดงานเพื่ออะไร การถามคำถามประเภทนี้นอกจากจะไม่คิดแล้ว ยังเสมือนเป็นการดูถูกความรักของคนทั้งคู่โดยไม่รู้ตัว ก็ลองคิดดูสิคะว่าจะจริงจังไหมที่ถึงขนาดจัดงานระดับประกาศให้โลกรู้ แล้วคุณยังเสียมารยาทถามแบบนี้ได้ไง

3. ‘จะมีลูกเมื่อไร / จะมีลูกกันยังไง’ ก็รู้อยู่แก่ใจว่าคนที่เป็นเพศเดียวกันแต่งงานกันจะสามารถมีลูกได้แบบธรรมชาติได้ยังไง ต่อให้คู่รักตรงหน้าใจกว้างและคุณอาจเคยได้ยินมาว่าเขาวางแผนจะมีลูกกันก็ไม่ใช่เรื่องถูกต้องที่จะเสียมารยาทถามคำถามนี้ออกไป ดีไม่ดีเรื่องนี้อาจเป็นเรื่องจี้ใจดำถึงความกังวลใจที่เขาทั้งคู่ยังถกกันไม่จบหรือหาทางออกไม่ได้ หรือร้ายแรงกว่านั้นคือ ความคิดเรื่องนี้อาจเคยเป็นประเด็นในการทะเลาะของสองคนตรงหน้า แล้วคุณดันไปพูดย้ำอีก ทีนี้บรรยากาศพังเลยนะ

ภาพจาก : www.livescience.com

 

4. ‘พ่อแม่ว่ายังไงเนี่ย’ ถึงจะสงสัยซะเหลือเกินว่าจัดงานแต่งขนาดนี้พ่อแม่ของทั้งคู่มีความเห็นยังไง แต่มันเรื่องอะไรของคุณละคะที่จะไปซอกแซกถามถึงพ่อแม่ว่าจะคิดเห็นเช่นไร แหม..ง่ายๆ เลยนะ ต่อให้พ่อแม่ของไม่เห็นด้วย แต่จัดงานแล้วก็แปลว่าเค้าทั้งคู่มุ่งมั่นจะอยู่เคียงข้างกัน เรื่องใดๆ ในครอบครัวของเขาก็อย่าไปยุ่งเลยค่ะ ทำหน้าที่แขกไปร่วมยินดีก็พอ โอเคนะ

5. ‘ญาติคนนั้นไม่มาหรอ’ การถามถึงญาติพี่น้องในครอบครัวของทั้งคู่อาจเป็นเรื่องธรรมดาที่คุณจะถามกับคู่แต่งงานทั่วไป แต่สำหรับคู่รักเพศเดียวกัน บางทีการได้ยินการถามถึงอาจทำให้รู้สึกจี๊ดใจได้ หากญาติที่คุณถามถึงรังเกียจคนที่เป็นรักร่วมเพศก็เลยไม่มาร่วมงาน โดยอาจยังทำใจไม่ได้ ไม่ยอมรับหรืออะไรก็ตามแต่ ฉะนั้นทางที่ดี เมื่อคุณไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของครอบครัวนี้ ก็แค่ยิ้มเข้ากล้องกับพูดแสดงความยินดีกับทั้งคู่ก็พอ

6. ‘ขอบคุณที่เชิญมานะ ฉันตื่นเต้นสุดๆ ในที่สุดก็ได้เห็นงานแต่งงานเกย์ซักที’ แม้จะรู้สึกว่าช่างเป็นเรื่องน่าประหลาดใจหรือเซอร์ไพร้ส์สุดๆ ในชีวิตที่ได้มีโอกาสร่วมงานแต่งงานของคู่รักเก้งกวาง แต่ก็เก็บไว้ในใจดีกว่าพูดออกมาแบบนี้ไหม เพราะคนฟังจะรู้สึกเป็นตัวประหลาดได้ในทันที แถมการย้ำคำว่างานแต่งงานเกย์ เหมือนเป็นการพูดประชดแนวเสียดสียังไงแปลกๆ นะ เราว่า

ภาพจาก : havana-live.com

7. ‘พนันเลยว่าดีเจต้องเล่นเพลง (รายชื่อเพลงโปรดชาวสีม่วง) แน่ๆ’ การไปร่วมงานแต่งงานของคู่รักเพศเดียวกันก็รู้อยู่แล้วว่ามีความพิเศษที่คู่บ่าวสาว (ที่บางครั้งไม่สามารถระบุว่าเป็นบ่าว-บ่าวหรือสาว-สาว) แต่คุณก็ไม่ควรสนุกปากเล่นทายชื่อเพลงหรือเดาเหตุการณ์ให้คนทั้งงานร่วมคิดไหมว่าจะมีเพลงชาติชาวเก้งกวางเปิดในงานนี้ไหม แม้จะเป็นเรื่องสบายๆ ไม่น่าคิดมาก แต่งานแบบนี้ความรู้สึกอ่อนไหวเกิดขึ้นได้มากกว่างานปกตินะคะ ดังนั้นประโยคพูดเล่นๆ ของคุณอาจทำเอาคนได้ยินสะอึกได้นะ

8. ‘ใครเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวแล้วใส่ชุดอะไรยังไงกันหรอ’ นี่ก็อีกเรื่องหนึ่งที่คุณอาจมีความใคร่รู้ แต่บอกเลยค่ะ ไม่ต้องพูด เพราะจะยิ่งเป็นการเปิดประเด็นที่ไม่ใช่ประเด็น คุณมีหน้าที่เป็นแขกในงานและชื่อชมสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ต้องพูดเสียงดังสงสัยจนดูเหมือนว่างานแต่งครั้งนี้ช่างน่าสนใจกว่างานไหนยิ่งนัก เพราะจริงๆ แล้วงานแต่งงานของคนรักเพศเดียวกันก็คือความสุขของคนสองคนที่มีพิธีแลกแหวน ฉลองสมรสไม่ต่างจากี่คุ้นเคยหรอกค่ะ

ภาพจาก : www.pbs.org

9. ‘สงสัยจังว่าใครจะเป็นคนพาบ่าวสาวเข้าสู่พิธีการหรือส่งตัวนะ’ นี่ก็เป็นอีกประโยคที่คุณไม่ต้องพูดออกมาหรอกค่ะ เพราะแม้คุณจะเป็นคนที่รู้ธรรมเนียมหรือเชี่ยวชาญพิธีการงานแต่งมานักต่อนัก แต่ของแบบนี้ไม่พูดก็ไม่ผิด และงานพิธีบางอย่างก็แค่รอให้เกิดแล้วเป็นผู้ชมและร่วมยินดีก็พอ การพูดประโยคพวกนี้ออกมาสื่อถึงอาการอยากรู้อยากเห็นที่ออกจะเกินจำเป็น และยิ่งเป็นการตอกย้ำให้คนได้ยิน โดยเฉพาะคู่รักที่เป็นเจ้าภาพจะยิ่งรู้สึกไม่ดีนะคะ

10. ‘ดีใจด้วยนะ ชั้นน่ะเป็นแฟนพันธุ์แท้ของพวกคู่รักร่วมเพศเลยนะ’ ประโยคสุดท้ายที่ขอเตือนว่าเป็นมารยาทที่ไม่ควรพูด แม้จะเป็นการแสดงความดีใจหรือยินดีจากใจจริงก็ตาม ก็แหม…ลองดูรูปประโยคสิคะ ต่อให้คุณจะออกตัวว่าเป็นแฟนพันธุ์แท้เลยก็เถอะ แต่ฟังๆ ดูแล้ว มันก็ออกจะแปลกๆ หน่อย หรือคุณว่าไม่จริง

10 ประโยคที่ว่าให้ฟัง ลองตรองให้ดีก่อนเปิดปากพูดอกไป เพราะแม้คุณจะไม่คิดอะไร แต่คนฟัง ได้ยินแล้วมีจี๊ดโดยที่คุณอาจคาดไม่ถึง และอาจทำให้ความรู้สึกมีความสุขของทั้งคู่ในวันสำคัญของชีวิตถูกลดทอนลงโดยรู้เท่าไม่ถึงการ ฉะนั้นอ่านละระลึกให้ดี ก่อนจะเสียมารยาททำบรรยากาศงานแต่งแห่งรักของทั้งคู่พังทลายนะคะ

ภาพเปิด : http://mrster.com/

Recommended