4 สเต็ปพิชิตความหล่อ ใส่ สูทเจ้าบ่าว ยังไงให้ดูเท่สมเป็นพระเอกของงาน

4 ทริคตะกายความหล่อ ใส่ สูทเจ้าบ่าว ให้หล่อกว่าใครในงาน

แน่นอนว่าเจ้าบ่าวนั้นมีทางเลือกสำหรับการแต่งตัวในวันสำคัญไม่มากเท่ากับเจ้าสาว เพราะ สูทเจ้าบ่าว ไม่ได้มีหลากแบบให้เลือก จะมีก็แค่สวมเป็นชุดทักซิโด สำหรับงานที่เน้นความเป็นทางการ หรือจะใส่สูทหรือแจ็กเกตสูทธรรมดาสำหรับงานที่ไม่เน้นความเป็นทางการมากนัก แต่ถึงแม้จะมีทางเลือกน้อยขนาดไหน พระเอกของงานอย่างเราก็ต้องหล่อกว่าใครจริงไหมคะ แพรวเวดดิ้งเลยมีเทคนิคปีนบันไดใส่สูทยังไงให้หล่อมาฝากคุณว่าที่เจ้าบ่าวกัน

1. ทรงผมต้องเนี้ยบ!

อุตสาห์ลงทุนตัดสูทมาตั้งแพง แต่ดันมาตกม้าตายตรงที่ผมเผ้ารกรุงรัง หนวดเคราดกเฟิ้ม แบบนี้เห็นทีสูทราคาเป็นหมื่นก็ช่วยขุดความหล่อของเจ้าบ่าวออกมาไม่ได้หรอกนะคะ อ๊ะๆ ช้าก่อนๆ ที่เราเกริ่นมาขนาดนี้เราไม่ได้ต้องการให้ว่าที่เจ้าบ่าวเข้าร้านแล้วตัดผมตัวเอง หรือไปขนผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมมาทั้งแผงเพื่อมาชโลมผมให้มันปลาบเหมือนตกถังน้ำมันมาหรอกนะคะ เพราะความ ‘เนี้ยบ’ ของเราในที่นี้ก็คือ ความเป็นธรรมชาติและความเป็นตัวคุณมากที่สุดต่างหาก ถึงแม้ผมจะยาวแต่ถ้าเจ้าบ่าวรวบไว้ให้ดีแบบนี้เราก็ถือว่าผ่าน หรือหนวดเคราก็อาจจะเล็มให้เป็นทรงขึ้นสักนิดแบบนี้ก็ยังถือว่ารอด อ่อ แล้วอย่าลืมกระซิบบอกแก๊งเพื่อนเจ้าบ่าวของคุณให้เตรียมหล่อกันมาดีๆ ด้วยนะคะ หรือถ้าจะนัดกันไปเป็นแก๊งเพื่อเข้าร้านเสริมหล่อเราว่าก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งปาร์ตี้สละโสดที่ฟีลกู๊ดไม่น้อยอยู่เหมือนกันน้า

2. สูทที่ดีต้องพอดีตัว

ความผิดมหันต์ของการเลือกสูทคือ การสวมสูทที่มีขนาดใหญ่เกินไป ซึ่งนั่นอาจจะเป็นเพราะว่า หนึ่ง. ว่าที่เจ้าบ่าวดันไปยืมสูทของคุณพ่อมาเพราะไม่อยากเสียเงินตัดใหม่ หรือสอง. ดันไปยืมเสื้อสูทของเพื่อนหรือเพื่อนเจ้าบ่าวรุ่นพี่มาเพราะเห็นว่าดีไซน์สวย แต่ๆๆ สูทที่ยืมมามันดันไม่ใช่ไซส์เจ้าบ่าวนี่สิคะ แล้วสูทที่ดีที่ว่าต้องพอดีตัวนี่เป็นยังไงหน่ะเหรอ มันก็เป็นเช่นนี้ไงคะ คือ ไหล่ต้องไม่ตก แขนเสื้อเชิ้ตต้องโผล่พ้นออกมาจากแขนเสื้อแจ็คเกตประมาณครึ่งนิ้วในขณะที่แขนทั้งสองข้างขนานกับลำตัว และความยาวของสูทต้องอยู่ประมาณบั้นท้าย

3. จำไว้ว่าคุณคือพระเอกของงานนี้!!

จงจำไว้ว่างานนี้คุณคือพระเอก ส่วนแก๊งเพื่อนเจ้าบ่าวหน่ะเหรอ..ก็แค่เพื่อนพระเอกเท่านั้น! เพราะฉะนั้นคุณจึงควรใส่ใจถึงรายละเอียดต่างๆ ที่อยู่บนร่างกายของคุณให้มากที่สุด ไม่ใช่ว่าหยิบจับอะไรมาใส่ก็ได้หรอกนะคะ ไม่ว่าจะเป็น เสื้อเชิ้ตตัวในที่ต้องใหม่และขาวสะอาด, โบไทหรือเนคไทสุดเนี้ยบเข้าธีม, และรองเท้าหนังขัดมันเงาวับ เป็นต้น และอีกหนึ่งอย่างที่เป็นแอคเซสซอรี่สำคัญที่เจ้าบ่าวควรจะพกติดตัวไว้ในวันงานก็คือ ผ้าเช็ดหน้าสักผืนเพื่อเอาไว้ใช้ในคราวที่จำเป็น อย่างเช่น ไว้ซับเหงื่อในกรณีที่จัดงานแต่งแบบเอ้าท์ดอร์ หรือไว้ซับน้ำตาแห่งความตื้นตันใจที่ไหลออกมาจากใบหน้าเจ้าสาวไงคะ

อ่านมาถึงตรงนี้เพื่อนเจ้าบ่าวก็อย่าเพิ่งน้อยใจ ว่าแล้วเราโดดเด่นกว่าแขกในงานได้อย่างไรล่ะที่นี่ ง่ายมากค่ะ เพราะแค่คุณและเจ้าบ่าวตกลงกันให้ดีแล้วอย่าใส่อะไรที่โดดเด่นหรือเหมือนกับคุณเจ้าบ่าวก็แค่นั้นเอง เช่น หากเจ้าบ่าวสวมโบไท เพื่อนชายอย่างเราก็อาจจะต้องเลี่ยง เป็นต้น แล้วหันไปเล่นกับดีไซน์กระดุมเสื้อสูทแทนก็ได้ เพราะมีมากมายหลากหลายแบบให้ว่าที่เจ้าบ่าวได้เลือกสวมใส่ ไม่ว่าจะเป็น สูทแบบกระดุมเม็ดเดียว หรือสูทแบบกระดุมสองแถว เป็นต้น

4. มั่นใจ = ชนะเลิศ

เคยสังเกตบ้างไหมคะว่า บางคนก็แต่งตัวธรรมดาแต่ทำไม่ถึงมีออร่าดูดีได้ขนาดนั้น? เราขอเฉลยว่า นั่นเพราะพลังแห่งความรู้สึกมั่นใจที่เกิดขึ้นจากภายในล้วนๆ ผสานกับการที่พวกเขาเลือกสูทได้ตรงกับสีผิว อีกทั้งยังรู้ว่าตัวเองเหมาะกับชุดสไตล์ไหนอีกด้วย เพราะฉะนั้นจงหาแนวทางของตัวเองให้เจอและท่องไว้ว่า ‘สไตล์คือสิ่งที่จะกำหนดตัวตนของคุณ สไตล์จะบ่งบอกได้ว่าคุณคือผู้ชายแบบไหน และสุดท้ายหากมั่นใจใส่อะไรก็ไม่ผิด’  หากคุณเข้าใจในข้อนี้ไม่ว่าจะสวมสูทแบบไหนก็หล่อได้จากภายในแน่นอนค่ะ

สุดท้ายอย่าลืมด้วย ดอกไม้ติดหน้าอก…เสริมหล่อให้เจ้าบ่าว กันด้วยนะจ๊ะ

CR. marthastewartweddings.com, pinterest

Recommended